โหมดพลังงานต่ำ (low power mode)
เส้นทางกฎหมาย
ของประชาชน
สุดท้าย
ไปจบที่ไหน...
การลงชื่อเสนอกฎหมายของประชาชน
อย่างที่หลายๆคนรู้ว่าเป็น
ช่องทาง
ประชาธิปไตย
ทางตรง
ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถ
เสนอกฎหมายในแบบที่ต้องการได้
สำหรับช่องทางนี้
ปลายทางของสิ่งที่ประชาชนเสนอ
อาจไม่ได้
เรียบง่าย
และเป็นไปตามเจตนารมณ์อย่างที่คิด
ให้ลงชื่อเสนอกฎหมาย
ผ่านมากว่า 20 ปี
กฎหมายที่เสนอโดยประชาชน
ผ่านเพียง9ฉบับ จากที่ยื่นไปทั้งหมด 142 ฉบับ
จากที่ยื่นไปทั้งหมด 142 ฉบับ
ซึ่งกฎหมายที่ถูกเสนอโดยประชาชนเข้ามา
ตามแต่ละรัฐธรรมนูญ ถูกแบ่งดังนี้
สังคม 54 ฉบับ
เศรษฐกิจ 29 ฉบับ
การเมือง 36 ฉบับ
ศาสนาและวัฒนธรรม 8 ฉบับ
ชี้เพื่อดูรายละเอียดของกฎหมายแต่ละฉบับ
กฎหมายของรัฐธรรมนูญปี 2540-2560 ที่เปิดช่องทางลงชื่อการเข้าเสนอชื่อ
รัฐธรรมนูญ
2540
11 ต.ค. 40 - 23 ส.ค. 50
รัฐธรรมนูญ
2550
24 ส.ค. 50 - 21 ก.ค. 57
รัฐธรรมนูญ
2560
6 เม.ย. 60 - ปัจจุบัน
ทำไม?
ปลายทางของกฎหมายประชาชนไม่เป็นไปตามนั้น
มีปัจจัยหรือสาเหตุอะไร
ที่ส่งผลต่อกฎหมายประชาชนเหล่านี้
ไม่ใช่ทุกกฎหมายที่จะเสนอได้ และต้องมีจำนวนผู้เสนอครบ
กฎหมายของรัฐธรรมนูญปี 2540-2560 ที่เปิดช่องทางลงชื่อการเข้าเสนอชื่อ
คุณสมบัติและจำนวนของผู้มีสิทธิเสนอร่าง
ปรับจำนวนให้ลดลงเพื่อเอื้อต่อการเสนอมากขึ้น
ผ่านเข้าสู่วาระการประชุม
21.8%
30 ฉบับ จาก 142 ฉบับ
15 ฉบับ
5 ฉบับ
9 ฉบับ
1 ฉบับ
3 ฉบับ
18 ฉบับ
9 ฉบับ
จากขั้นตอนการเสนอกฎหมายแสนวกวนนี้
เป็นเพียงขั้นแรกเท่านั้น
กว่าจะบรรจุเข้าเป็นวาระเพื่อให้ร่างกฎหมายถูกพิจารณา
และนี่คือ
ส่งให้นายกรัฐมนตรีให้คำรับรอง
35 ฉบับ
สิ่งที่น่าสนใจ คือ ร่างการเงินที่ต้องให้นายกรัฐมนตรีให้คำรับรองติดอันดับที่ไม่ได้ไปต่อ
นั่นอาจเป็นเพราะ การพิจารณาร่างกฎหมาย ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรี และ คณะรัฐมนตรีที่หลายครั้งอาจไม่ได้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของประชาชนทุกกลุ่ม
โดยในรัฐธรรมนูญปี 2560 จะมีกฎหมายไม่ให้คำรับรองมากที่สุด จึงขอหยิบยกตัวอย่างของดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรี เรื่องร่างแก้รัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจ
“ไม่จำเป็นต้องสั่งใครทุกคนก็มีความคิด ความคิดดี หรือไม่ดี ถ้าระแวงเรื่องการสืบทอดอำนาจก็ไปแก้มา แก้ให้ได้แล้วกัน”
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
เรื่องการเสนอแก้รัฐธรรมนูญ
ล่ารายชื่อให้ครบ 10,000 คน
ภายใน 45 วัน
34 ฉบับ
ล่ารายชื่อให้ครบ 10,000 คน
ภายใน 45 วัน
34 ฉบับ
จาก 33 ฉบับ
ที่ผ่านเข้าสู่วาระการประชุม
กระบวนการต่อไป คือ
ขั้นตอนการพิจารณากฎหมาย
ส.ส.วาระ 1
รับหลักการ
ส.ส.วาระ 2
ตั้งคณะกรรมาธิการ
ส.ส.วาระ 3
ลงมติ
ส.ว.วาระ 1
รับหลักการ
ส.ส.วาระ 3
ลงมติ
ส.ว.วาระ 3
ลงมติ
ส่งคืนยับยั้ง
180 วัน
ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา
ส่งให้ กษัตริย์
ประชุมรัฐสภา
ลงมติ 2/3 (500เสียง)
ประกาศลง
ในราชกิจจานุเบกษา
ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา
6.3%
9 ฉบับ จาก 142 ฉบับ
7 ฉบับ
0 ฉบับ
2 ฉบับ
0 ฉบับ
1 ฉบับ
8 ฉบับ
0 ฉบับ
หลังจากที่ผ่านขั้นตอนที่ดูเหมือนจะไม่มีวันจบสิ้น
ในรอบที่สอง ขั้นของการพิจารณากฎหมาย
กระบวนการที่ติดค้างอยู่มากที่สุด คือ
ส.ส.วาระ 1 รับหลักการ
5 ฉบับ
และยังมีที่รอการพิจารณาในขั้นตอนนี้อยู่อีก 9 ฉบับ
สรุปอันดับทั้งหมด
35 ฉบับ
34 ฉบับ
14 ฉบับ
11 ฉบับ
7 ฉบับ
5 ฉบับ
5 ฉบับ
3 ฉบับ
3 ฉบับ
3 ฉบับ
2 ฉบับ
ตั้งคณะกรรมาธิการรมนูญ
1 ฉบับ
ไม่มีกฎหมายที่ยื่นไปติดค้างอยู่เลย
ในขั้นตอนการพิจารณากฎหมายที่ผ่านมา
ในรัฐธรรมนูญปี 2560 ไม่มีร่างกฎหมาย
ของประชาชนผ่านเลย
ดังเช่น ร่างแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2 ฉบับ
คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติม
การเข้าชื่อเสนอกฎหมาย
ควรปรับหรือทำอะไรได้บ้าง?
ลองปรับเอาเทคโนโลยีมาช่วยขั้นตอนจุกจิกของเอกสาร เอสโตเนียเป็นประเทศที่มีระบบ e-participation initiative เกี่ยวกับการเสนอกฎหมายของประชาชนโดยตรง แถมยังได้อันดับที่ 1 ของ e-participation index ของ UN E-Government Survey 2020 ด้วย
ลองมาเทียบดูกับของไทยกัน
รวบรวมเอกสารเพื่อริเริ่ม
ส่งออนไลน์ได้
แก้ไขร่วมกันได้
ใช้ soft ID
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งใดๆ ไม่น้อยกว่า 20 คน (ร่างพ.ร.บ) หรือไม่น้อยกว่า 120 คน (ร่างรธน.) ทำการรวบรวมเอกสารเสนอร่างกฎหมาย หรือสำนักงานฯ จัดทำร่างกฎหมายตามที่ร้องขอ แล้วส่งทางออนไลน์ให้กับสภาฯ
ส่งออนไลน์ได้
แก้ไขร่วมกันได้
ใช้ soft ID
มีระบบออนไลน์ทำเอกสารเสนอร่างกฎหมายสามารถตั้งค่าเป็น open source ให้แก้ไขข้อเสนอร่วมกันได้ ซึ่งสามารถใช้ soft ID เช่น google facebook ได้
ล่ารายชื่อให้ครบ
มีช่องทางออนไลน์
(ประชาชนทำเอง)
มีแพลตฟอร์มและมีระบบ
e-identity
ผู้ริเริ่มจะเชิญชวนเป็นหนังสือ หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ก็ได้หรือให้สำนักงานกฎหมายรวบรวมรายชื่อภายใน 1 ปี
ช่องทางออนไลน์ของทางการยังใช้งานไม่ได้ (อยู่ในช่วงทดลองยังไม่เสถียร) ในอนาคตจะมีระบบระบุตัวตนและตรวจสอบการมีสิทธิเลือกตั้งโดยไม่ต้องลงลายมือชื่อ
มีช่องทางออนไลน์
มีแพลตฟอร์มและมีระบบ
e-identity
มีระบบ EPIC ที่รวบรวมเอกสารส่งรัฐสภาผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ รวบรวมรายชื่อได้ง่าย โดยมีระบบหลังบ้านลงชื่อออนไลน์ได้ทั้งหมด ถึงแม้ระบบจะมีความซับซ้อน ประกอบกับมี e-Identity เพื่อใช้ทำธุรกรรมต่างๆ ให้ลงชื่อดิจิทัลได้เลย
การตรวจสอบเอกสารและจำนวนรายชื่อ
ตรวจผ่านออนไลน์
ภายใน 45 วัน
ไม่ว่าเอกสารที่ได้เป็นช่องทางออฟไลน์หรือออนไลน์ สนง.เลขาธิการสภาจะตรวจสอบเอกสาร และส่งให้กรมการปกครองกระทรวงมหาดไทยตรวจสอบรายชื่อผู้ลงชื่อเสนอกฎหมาย
*ระบบออนไลน์ไม่เสถียรจะต้องตรวจสอบแบบออฟไลน์ เป็นเอกสารแทน จะใช้เวลา
ตรวจผ่านออนไลน์
ภายใน 30 วัน
การตรวจสอบเอกสารและรายชื่อผ่านระบบดิจิทัล เนื่องจากมีระบบออนไลน์ และให้เซ็นเอกสารดิจิทัลได้โดยลงในเอกสารแผ่นเดียวกัน (ดิจิทัลเทียบกับลายมือ) ทำให้การตรวจสอบรวดเร็วกว่า
ตรวจสอบยืนยันตัวกับรายชื่อ
ตรวจผ่านออนไลน์
กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยตรวจสอบรายชื่อผู้ลงชื่อเสนอกฎหมาย
ตรวจผ่านออนไลน์
ตรวจผ่านออนไลน์ มีระบบการลงชื่อเป็นดิจิทัล(ดิจิทัลเทียบกับการลงลายเซ็นสด)
รวบรวมเอกสารเพื่อริเริ่ม
แจ้งผ่านออนไลน์
แจ้งผ่านอีเมลส่วนตัว
1.แจ้งเตือนผ่านเว็บไซต์ สนง.เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ตรงข้อมูลการเสนอร่างกฎหมายและสรุปรวมขั้นตอนการเสนอร่างกฎหมาย
2.จัดทำบัญชีรายชื่อ ณ สนง.เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
3.หนังสือแจ้งไปยังผู้มีรายชื่อเข้าชื่อเสนอกฎหมาย
แจ้งผ่านออนไลน์
แจ้งผ่านอีเมลส่วนตัว
ทุกคนสามารถแชร์เกี่ยวกับกฎหมายนั้นๆ โดยรับการแจ้งเตือนสถานะที่เสนอกฎหมายผ่านอีเมลของแต่ละคนได้เลย และสถานะจะถูกอัพเดทด้วย
เหมือนจะมีความหวัง
แต่สุดท้ายต้องตกไป
ลองสำรวจขั้นตอนทั้งหมด
ขยายมุมมอง
ส่วนหนึ่งขององค์กรที่คอยผลักดัน
เรื่องการเสนอกฎหมาย
ขอหยิบยกบางส่วนให้เพื่อให้พวกเราคอยติดตามข้อมูล สนับสนุน ร่วมลงชื่อเสนอกฎหมาย กับองค์กรเหล่านี้ได้
ฟังความคิดเห็นของบุคคล
หรือองค์กรที่ทำสิ่งนี้กัน
ในฐานะผู้ที่ผลักดันการขับเคลื่อนกฎหมาย
คิดเห็นอย่างไรบ้าง?

คิดว่าในทางปฏิบัติโดยเฉพาะการให้เซ็นผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ทำได้มีประสิทธิภาพระดับหนึ่งแล้ว แต่ควรจะต้องมีการปรับปรุงกฎหมายเข้าชื่อโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นที่ต้องให้นายกรัฐมนตรีลงนามในกฎหมายการเงิน เพราะข้อนี้เป็นหนึ่งในอุปสรรคสำคัญที่ทำให้กฎหมายประชาชนไม่ได้เขัาสภา และควรยกเลิกการจำกัดหมวดที่ประชาชนสามารถเสนอได้
ยิ่งชีพ อัชฌานนท์
ผู้จัดการ iLaw

เป็นเรื่องดี ที่ประชาชนร่วมกันเข้าชื่อเสนอกฎหมาย/ร่างรัฐธรรมนูญได้ผ่านช่องทางออนไลน์
แต่หากจะดียิ่งขึ้น ควรอำนวยความสะดวกและลดภาระด้านธุรการของผู้ริเริ่มเสนอกฎหมายและผู้ลงชื่อให้ได้มากที่สุด รวมถึงสร้างความมั่นใจให้ประชาชนรู้สึก "ปลอดภัย" ที่จะลงชื่อสนับสนุนกฎหมายในฐานะสิทธิพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย รวมถึงเชิญชวนคนอื่นที่ยังไม่ทราบช่องทางนี้
หากสำเร็จ ก็จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงกฎหมายตามที่เราเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศ
หากไม่สำเร็จ ก็ยังเป็นกระบวนการที่เปิดให้เรามีโอกาสสร้างบทสนทนาและทำงานเชิงความคิดกับสังคมในประเด็นที่เรารณรงค์
พริษฐ์ วัชรสินธุ
ประชาชน (กลุ่ม Re-Solution)

ช่องทางการเข้าชื่อเสนอกฎหมายง่ายขึ้น แต่กระบวนการพิจารณากลับอยู่ในมือของนักการเมืองและระบบของสภามากกว่าเสียงของประชาชนผู้เสนอ เช่น การพิจารณารับหลักการของสภานั้นเป็นเรื่องที่ไม่เป็นเหตุเป็นผลในหลายกรณี
และเนื้อหาของกฎหมายที่เสนอโดยภาคประชาชนหากผ่านด่านไปถึงชั้นกรรมาธิการ การตีความ เนื้อหานั้นและปรับแก้เนื้อหาก็เป็นอีกประเด็นที่อาจทำให้เนื้อหาอาจเปลี่ยนแปลงไปจาก
เจตจำนงค์เดิมของผู้เสนอกฎหมาย รวมทั้งเสียงของประชาชนที่เข้าไปร่วมในชั้นกรรมาธิการมีสัดส่วนที่น้อยในการโหวต
รวมถึงการถูกปัดตกโดยไม่มีเหตุผลด้วยอำนาจของนายกรัฐมนตรีด้วยเพียงคำว่า “เป็นร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเงิน” ซึ่งกฎหมายหลายฉบับก็จำเป็นที่จะต้องมีการตั้งองค์กรใหม่ การจัดการกองทุน
ดังนั้น เสนอเบื้องต้นตัดอำนาจนายกรัฐมนตรีที่ให้ปัดตกกฎหมายด้วยเหตุผลเรื่องเป็นร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเงิน หากท่านมีการรวมตัวรวมกลุ่มกันในการทำกิจกรรมต่างๆ แล้วเห็นว่ากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำกิจกรรมของท่านนั้นมีปัญหาไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน หรือยังไม่มีกฎหมายที่จะมารองรับสิทธิของการดำเนินกิจกรรมนั้นๆ ก็น่าจะร่วมกันคิดและยกร่างกฎหมายจาก
เจตจำนงค์ของกลุ่มของตน
สุภาภรณ์ มาลัยลอย
ผู้จัดการ มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม
กลับไปเริ่มใหม่