ซอฟต์พาวเวอร์ไทยในร่างงบฯปี 69 ‘จริงหรือเค้ก’ ?

“โจทย์ใหญ่ของรัฐบาลในตอนนี้ก็คือ เราจะทำให้ต้นทุนวัฒนธรรมที่เรามี สร้างซอฟต์พาวเวอร์ที่นำมาซึ่งเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และเพิ่มโอกาสให้พี่น้องประชาชนได้อย่างไร ?”

แพทองธาร ชินวัตร กล่าวในการบรรยายพิเศษ ‘Soft Power The Great Challenger’ พร้อมกับไอแพดคู่ใจ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566

‘ซอฟต์พาวเวอร์’ (Soft Power) ศัพท์ที่เป็นมากกว่าคำพูดอินเทรนด์ของการเมืองไทยในปัจจุบัน เพราะเป็นหนึ่งในนโยบายเรือธงในการสนับสนุนการสร้างพลังสร้างสรรค์ หรือซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ เพื่อยกระดับและพัฒนาความรู้ความสามารถ และความคิดสร้างสรรค์ของคนไทยให้สร้างมูลค่าและสร้างรายได้

จากคำมั่นสัญญาที่พรรคการเมืองใช้หาเสียงก่อนการเลือกตั้ง ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ ได้กลายมาเป็นนโยบายที่เป็นรูปธรรมผ่านการบรรจุลงในคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงต่อรัฐสภา ว่ารัฐบาลจะมุ่งส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ไทยผ่าน 3 แนวทางคือ หนึ่ง สร้างโอกาสต่อยอดจากอุตสาหกรรมวัฒนธรรม เช่น อาหาร ศิลปะ ภาพยนตร์ สอง ยกระดับทักษะศักยภาพของคนไทยเพื่อสร้างงานและรายได้ และสาม ผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ผ่านเวทีการทูตและเศรษฐกิจเชิงรุก

ในการขับเคลื่อนนโยบายนี้ รัฐบาลได้มีการจัดตั้ง ‘คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์นโยบายขับเคลื่อนในภาพรวม พร้อมกับคณะอนุกรรมการย่อยอีก 6 คณะเพื่อสร้างสภาวะแวดล้อมที่ส่งเสริมและสนับสนุนภาคเอกชนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย

สิ่งเหล่านี้เป็นตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการสนับสนุนซอฟต์พาวเวอร์ เป็นผลทำให้ในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 (ร่างงบฯปี 2569) มีการบรรจุ ‘แผนงานยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์’ ขึ้นเป็นครั้งแรก

35 โครงการผ่าน 29 หน่วยงาน ด้วยงบประมาณกว่า 3,983 ล้านบาท ซอฟต์พาวเวอร์ไทยในร่างงบฯ ปี 2569 มุ่งตอบโจทย์นโยบายซอฟต์พาวเวอร์ไทยแค่ไหน ไส้ในเป็นอย่างไร ชวนส่องให้ไวว่าทั้งหมดนี้มัน ‘จริงหรือเค้ก’ ?

ย้อนกลับไปดูงบประมาณปี 2568 โครงการต่าง ๆ ที่มุ่งขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ถูกบรรจุอยู่ในหลากหลายแผนงานยุทธศาสตร์ แต่เริ่มต้นในปี 2569 ร่างงบฯ ได้มีแผนเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์เป็นการเฉพาะในชื่อ ‘แผนงานยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์’ ซึ่งมีทั้งหมด 32 โครงการ นอกจากนี้ เมื่อค้นดูในรายละเอียดแล้ว ยังพบว่ามีอีก 3 โครงการที่ไม่ได้อยู่ในแผนงานนี้ แต่กลับมีเป้าประสงค์ในการผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ด้วยเช่นกัน

ปีงบประมาณแผนยุทธศาสตร์งบประมาณจำนวนโครงการจำนวนหน่วยงานที่รับงบประมาณ
2568– แผนงานยุทธศาสตร์ปรับเปลี่ยนค่านิยมและวัฒนธรรม
– แผนงานยุทธศาสตร์เพื่อสนับสนุนด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน
– แผนงานยุทธศาสตร์พัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต
– แผนงานยุทธศาสตร์การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่เข้มแข็ง แข่งขันได้
– แผนงานบูรณาการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว
– แผนงานยุทธศาสตร์ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพด้านการท่องเที่ยว
1,495,762,0009 โครงการ5 หน่วยงาน
2569แผนงานยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์3,976,186,30032 โครงการ27 หน่วยงาน
2569– แผนงานยุทธศาสตร์ปรับเปลี่ยนค่านิยมและวัฒนธรรม
– แผนงานยุทธศาสตร์การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่เข้มแข็ง แข่งขันได้
7,433,1003 โครงการ3 หน่วยงาน

เพียงระยะเวลาแค่ 1 ปี งบประมาณด้านซอฟต์พาวเวอร์มีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่า 166% โดยตั้งเป้าว่าจะใช้จ่ายผ่านโครงการที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่าตัวคือจาก 9 โครงการเป็น 35 โครงการ

แผนงานยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ หรือขอเรียกสั้น ๆ ว่า ‘แผนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์’ นี้ มุ่งตอบโจทย์นโยบายซอฟต์พาวเวอร์ไทย อย่างที่นายกรัฐมนตรีแพทองธาร แถลงนโยบายไว้หรือไม่ ?

3 แนวทางที่นายกอุ๊งอิ๊งแถลง นโยบายซอฟต์พาวเวอร์ต้อง

  1. สร้างโอกาสต่อยอดจากอุตสาหกรรมวัฒนธรรม เช่น สินค้าอาหาร ศิลปะ ภาพยนตร์
  2. ยกระดับทักษะศักยภาพของคนไทยเพื่อสร้างงานและรายได้ ผ่านการเสริมทักษะเดิม (Reskill) และเพิ่มทักษะใหม่ (Upskill) ผ่านนโบาย 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ (OFOS) และการจัดตั้งศูนย์สร้างสรรค์การออกแบบและส่งเสริมวัฒนธรรม
  3. ผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ผ่านเวทีการทูตและเศรษฐกิจเชิงรุก เพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวของไทย

ส่องไส้ใน ‘แผนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์’

เมื่อนำรายละเอียด ’ชื่อรายการ’ ของทุกโครงการในแผนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์มาวิเคราะห์แนวโน้มของวัตถุประสงค์ในการใช้งบออกเป็น 6 ประเภท จะพบว่า งบประมาณกิจกรรมและอิเวนต์ มีสัดส่วนการใช้จ่ายที่มากที่สุดถึง 40.4%

ประเภทงบรายจ่ายจากแนวโน้มของวัตถุประสงค์ของ ‘ชื่อรายการ’

ประเภทงบรายจ่ายงบประมาณสัดส่วน
งบประมาณกิจกรรมและอิเวนต์1,606,239,40040.4%
งบประมาณพัฒนาทรัพยากรมนุษย์765,630,60019.3%
งบประมาณประชาสัมพันธ์611,144,10015.4%
งบประมาณส่งเสริมการลงทุน536,478,60013.5%
งบประมาณก่อสร้าง/การจัดซื้อครุภัณฑ์201,931,5005.1%
งบประมาณเพื่อการวิจัยและพัฒนา195,175,8004.9%
อื่น ๆ59,586,3001.5%

จากสัดส่วนการใช้งบประมาณ พบว่า ‘งบประมาณในการจัดกิจกรรมและอิเวนต์’ ที่อาจสะท้อนเป้าหมายนโยบายข้อที่ 1 คืออการต่อยอดจากอุตสาหกรรมวัฒนธรรม มีมากเป็น 2 เท่าของ ‘งบประมาณพัฒนาทรัพยากรมนุษย์’ เช่น การฝึกทักษะหรือเสริมศักยภาพ ซึ่งเป็นเป้าหมายข้อที่ 2 ตามนโยบายที่ ครม. แถลงไว้ ทั้งที่การลงทุนในทรัพยากรมนุษย์เป็นการลงทุนระยะยาวที่อาจคุ้มค่ามากกว่าการใช้จ่ายจัดงานเพื่อสร้างเสริมเศรษฐกิจจากอุตสาหกรรมวัฒนธรรมในระยะสั้น

เมื่อค้นดูในรายละเอียดงบประมาณในการจัดกิจกรรมและอิเวนต์ จะพบว่าค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยต่อการจัดกิจกรรมหรืออิเวนต์ 1 ครั้งจะอยู่ที่ 69.8 ล้านบาท ในขณะที่ค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยต่อ 1 โครงการในส่วนของงบประมาณพัฒนาทรัพยากรมนุษย์จะอยู่ที่โครงการละ 42.5 ล้านบาท สิ่งนี้อาจะสะท้อนได้หรือไม่ว่า งบประมาณในการจัดกิจกรรมและอิเวนต์ 1 ครั้ง มีค่าใช้จ่ายที่สูงมากเมื่อเทียบกับการจัดกิจกรรม 1 ครั้งในงบประมาณพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

รวม 5 กิจกรรมหรืออิเวนต์ที่จะเกิดขึ้นในปี 2569 ที่ใช้งบมโหฬาร (แม้แต่ป้าข้างบ้านยังต้องหันมาใส่ใจ !)

อันดับชื่อรายการงบประมาณหน่วยงาน
1ค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนเทศกาลประเพณีไทยเพื่อยกระดับสู่
Signature Thailand
385,386,500การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
2การจัดการแข่งขันกีฬามวยไทยเพื่อสร้างกระแสความตื่นตัว
และกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
234,000,000การกีฬาแห่งประเทศไทย
3เงินอุดหนุนสนับสนุนกิจกรรม เทศกาล งานประกาศรางวัล ภาพยนตร์
ละคร ซีรีส์ สารคดี และแอนิเมชันไทยในประเทศไทย
217,590,100กรมส่งเสริมวัฒนธรรม
4ค่าใช้จ่ายในการจัดแสดงนิทรรศการศิลปะ ณ หอศิลป์แห่งชาติ107,075,000สำนักงานปลัด
กระทรวงวัฒนธรรม
5ค่าใช้จ่ายในการยกระดับเทศกาลไทย100,000,000สำนักงานปลัด
กระทรวงการต่างประเทศ

ใน 5 กิจกรรมและอิเวนต์เหล่านี้ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า กิจกรรมใน 3 อันดับแรกยังติดอันดับในรายการที่ใช้งบสูงสุด 5 รายการแรกของงบในแผนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ สัดส่วนระหว่าง ‘งบประมาณประชาสัมพันธ์’ ที่มีจำนวนสูงกว่า ‘งบประมาณส่งเสริมการลงทุน’ แม้จะเพียงเล็กน้อย ในขณะที่ทั้งสองมีรายการใช้จ่ายที่เท่ากันคือ 10 รายการ ก็อาจะสะท้อนให้เห็นถึงความไม่สอดคล้องกับเป้าหมายของ ครม. ที่ต้องการ ‘ดึงดูดการลงทุน’ หรือ ‘กระตุ้นเศรษฐกิจ’ ผ่านซอฟต์พาวเวอร์ มากกว่า ‘สร้างการรับรู้’ หรือ ‘เปลี่ยนภาพลักษณ์’ ผ่านการประชาสัมพันธ์ เพราะหนึ่งในสามเป้าหมายที่ ครม. แถลงไว้คือการผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ผ่านเวทีการทูตและเศรษฐกิจเชิงรุกเพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวของไทย

หากแผนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ให้ความสำคัญกับ ‘งบประมาณส่งเสริมการลงทุน’ ที่มากขึ้น ก็อาจเป็นแนวทางที่ช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมวัฒนธรรมในระยะยาว เช่น การพัฒนาโครงการที่มีศักยภาพในการจ้างงาน หรือการยกระดับทักษะและศักยภาพของบุคลากรในสาขาที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ แนวทางนี้ควรถูกพิจารณาควบคู่ไปกับรูปแบบการสนับสนุนอื่น ๆ เพื่อให้เกิดสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะสั้นและการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระยะยาว

จากคำแถลงที่บอกกล่าวไว้แผนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ปี 2569 ทำได้จริงแค่ไหน หรือยังเป็นได้แค่ ‘เค้ก’ (เรื่องล้อเล่น) ?

จากสัดส่วนงบประมาณปี 2569 หากนำงบประมาณพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ งบประมาณส่งเสริมการลงทุน และงบประมาณเพื่อการวิจัยและพัฒนามารวมกัน ก็ยังคงมีจำนวนน้อยกว่างบที่ใช้จัดกิจกรรมและอิเวนต์ ดูเหมือนว่าการผลักดันเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ที่รัฐบาลให้ความสำคัญคือการจัดกิจกรรมและอิเวนต์เป็นหลัก สิ่งเหล่านี้อาจสามารถเรียกเสียงฮือฮาได้ในระยะสั้น แต่อาจไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องการวางรากฐานจากการพัฒนาทักษะศักยภาพของคนและอุตสาหกรรมวัฒนธรรมให้มากขึ้นตามเป้าหมายที่วางไว้ ทำให้ยังคงต้องจับตาดูว่าจะทำได้จริงมากน้อยแค่ไหน

โจทย์ใหญ่ของรัฐบาลอาจไม่ใช่การถามว่า “จะใช้ต้นทุนทางวัฒนธรรมที่มีอยู่สร้างซอฟต์พาวเวอร์เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างโอกาสให้ประชาชนได้อย่างไร” แต่ควรเปลี่ยนมาเป็น “จะปรับงบประมาณของแผนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์อย่างไรให้ตอบโจทย์นโยบายที่วางไว้จริง ๆ”

อ้างอิง