รำลึก 6 ตุลาฯ 2519 แด่ปัจเจกชนผู้สูญเสีย

จดจำทุกชีวิตที่ถูกพรากจากความโหดร้ายของรัฐไทย

“มันเป็นเช้าวันพุธที่การตายด้วยกระสุนปืนดูเหมือนเป็นการฆาตกรรมที่เจ็บปวดน้อยที่สุดและศิวิไลซ์มากที่สุด” (ธงชัย วินิจกูล, 6 ตุลา ลืมไม่ได้ จำไม่ลง, 7)

ครบรอบ 49 ปี นับตั้งแต่เหตุการณ์การสังหารหมู่นักศึกษาประชาชนกลางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่แม้จะจัดงานรำลึกถึงเหตุการณ์ #6ตุลา ไปอีกสักกี่ครั้ง ก็ไม่อาจลบเลือนประวัติศาสตร์บาดแผลอันโหดร้ายทารุณของรัฐไทยที่กระทำต่อกลุ่มนักศึกษาและประชาชนผู้เป็นเหยื่อของความรุนแรงนี้ได้ลง

‘ฆ่าแขวนคอ’ ‘ราดด้วยน้ำมันแล้วจุดไฟเผา’ ‘ตอกลิ่มไม้ลงตรงกลางอก’ คือเศษเสี้ยวความรุนแรงที่รัฐเลือกใช้ปรามปรามและพรากความเป็นมนุษย์ของผู้เห็นต่าง

ชวนรำลึกถึง ‘ปัจเจกชนผู้สูญเสีย’ และ ‘โศกนาฏกรรมโดยรัฐ’ ในเหตุการณ์ปราบปรามนักศึกษาประชาชน เมื่อครั้ง 6 ตุลาคม 2519 บทเรียนสำคัญที่ต้องชี้ทิศทางให้กับสังคมไทยในการยอมรับความเห็นต่างและการจัดการกับความขัดแย้งโดยไม่ใช้ความรุนแรง

6 ตุลาคม 2519 เกิดอะไรขึ้น ?

ช่วงประมาณตีสองของวันที่ 6 ตุลาคม 2519 ตำรวจและกลุ่มมวลชนติดอาวุธเคลื่อนกำลังเข้าปิดล้อมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งในขณะนั้น มีนักศึกษาและประชาชนราว 4,000–5,000 คน รวมตัวกันอย่างสงบเพื่อประท้วงการกลับมาของจอมพลถนอม กิตติขจร อดีตผู้นำเผด็จการที่ถูกขับไล่ออกนอกประเทศจากเหตุการณ์ประชาชนลุกฮือในปี 2516 ทว่าไม่นานหลังจากนั้น เสียงปืนดังขึ้นพร้อมกับระเบิดขวดที่ถูกปาเข้าใส่อาคารภายในมหาวิทยาลัยเป็นช่วง ๆ ตลอดทั้งคืน

บรรยากาศของเช้าตรู่วันนั้น เต็มไปด้วยความตึงเครียด เพราะเมื่อราวสองสัปดาห์ก่อนหน้า นักกิจกรรม 2 คนถูกฆ่าแขวนคอขณะออกไปติดโปสเตอร์ประท้วง และไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ การแสดงละครจำลองการแขวนคอของนักศึกษาถูกกองทัพใช้เป็นประเด็น ออกข่าวกล่าวหาว่าเป็นการล้อเลียนสถาบันเบื้องสูง ซึ่งนักศึกษาไม่มีโอกาสได้โต้แย้งหรือปกป้องตัวเองจากข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอยนี้เลย

ราว 5.30 นาฬิกา ระเบิดถูกยิงมาจากฝ่ายที่อยู่นอกมหาวิทยาลัยตกกลางผู้ชุมนุมที่สนามฟุตบอล ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทันที 4 คนและบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง ระเบิดลูกนี้เป็นสัญญาณการเริ่มต้นระดมยิงจากฝ่ายตรงข้ามผู้ประท้วงอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเวลา 08.25 นาฬิกา ตำรวจตระเวนชายแดนได้บุกเข้าไปในมหาวิทยาลัยและเข้าจับกุมฝ่ายผู้ชุมนุมที่หลบตามอาคารรอบสนามฟุตบอล

  • นักศึกษาประชาชนมากกว่า 3,000 ถูกควบคุมตัว ถูกบังคับให้ถอดเสื้อ นักศึกษาหญิงเหลือเพียงเสื้อชั้นใน ถูกสั่งให้เอามือกุมหัว นอนคว่ำคลานไปตามพื้น และมีคนจำนวนมากถูกรุมประชาทัณฑ์
  • นักศึกษาสองคนถูกทรมาน แขวนคอ และทุบตีแม้เสียชีวิตแล้วที่ใต้ต้นไม้รอบสนามหลวง
  • นักศึกษาหญิงคนหนึ่งถูกไล่ล่าจนล้มลงกับพื้น ถูกทารุณกรรมทางเพศและทรมานจนเสียชีวิต บนถนนหน้ากระทรวงยุติธรรม
  • อีกฟากหนึ่งของท้องสนามหลวงตรงข้ามธรรมศาสตร์ ร่างของนักศึกษา 4 คนที่ยังมีชีวิตอยู่แต่หมดสติไปแล้ว ถูกนำมากองสุมกับท่อนฟืน ราดด้วยน้ำมันแล้วจุดไฟเผา
  • จารุพงษ์ ทองสินธุ์ หนึ่งในผู้นำนักศึกษา ถูกลากคอผ่านสนามฟุตบอล หลังจากนั้น ร่างมนุษย์ 6 ร่างถูกนำมากองรวมกันที่พื้น เพื่อให้ชายคนหนึ่งตอกลิ่มไม้ลงตรงกลางอก ราวกับว่าพวกเขาเป็นปีศาจซาตานอย่างที่เห็นกันในหนังฝรั่ง (ธงชัย วินิจกูล, 6 ตุลา ลืมไม่ได้ จำไม่ลง, 6)

การฆาตกรรมอันโหดเหี้ยมทารุณเหล่านี้เกิดขึ้นประหนึ่งฉากการแสดงที่น่าตื่นตะลึงต่อสายตาผู้ชมจำนวนมาก ไม่เว้นแม้แต่เด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่ปรบไม้ปรบมือด้วยความสำราญใจอยู่ภายในมหาวิทยาลัย

จดจำความสูญเสียจากกรณี 6 ตุลาฯ

จากเอกสารชันสูตรพลิกศพที่ตำรวจยื่นต่ออัยการ นอกจากการเสียชีวิตของประชาชนทั้งหมด 46 คนแล้ว ยังปรากฎผู้บาดเจ็บอีกหลายร้อยคนจากเหตุการณ์สังหารหมู่นักศึกษาประชาชนในครั้งนี้ อีกทั้ง แหล่งข้อมูลอื่น ๆ ยังชี้ให้เห็นว่าจำนวนผู้เสียชีวิตอาจสูงถึง 100 คน และไม่ทราบจำนวนผู้สูญหาย (คดีประวัติศาสตร์ คดี 6 ตุลา 2521, 81-83)

ผู้เสียชีวิตที่บันทึกไว้จากเหตุการณ์นองเลือดครั้งนี้เป็นใคร และรัฐกระทำความรุนแรงอย่างโหดเหี้ยมต่อพวกเขาไว้อย่างไรบ้าง ?

ลำดับชื่อสกุลอายุฝ่ายประเภทอาวุธสาเหตุการเสียชีวิตหมายเหตุ
1กมล แก้วไทรไทย19 ปีฝ่ายนักศึกษาประชาชนสะเก็ดระเบิดถูกสะเก็ดระเบิดเสียชีวิตทำงานจัดส่งและขายหนังสือพิมพ์ที่ท่าช้าง จากการสัมภาษณ์เพื่อนของกมล นามสกุลจริงของเขาคือ ‘แก้วไกรไทย’
2จารุพงษ์ ทองสินธุ์19 ปีฝ่ายนักศึกษาประชาชนกระสุนปืนถูกกระสุนปืนทะลุช่องปอดนักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (รายงานชันสูตรพลิกศพระบุว่า ‘ชายไทยไม่ทราบชื่อ’)
3ชัยพร อมรโรจนาวงศ์43 ปีฝ่ายนักศึกษาประชาชนกระสุนปืนถูกกระสุนปืนผ่านกระดูกสันหลังส่วนคอประกอบธุรกิจส่วนตัว
4ดนัยศักดิ์ เอี่ยมคง21 ปีฝ่ายนักศึกษาประชาชนกระสุนปืนถูกกระสุนปืนถูกเส้นเลือดแดงใหญ่ที่ต้นขานักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
5เนาวรัตน์ ศิริรังษี23 ปีฝ่ายนักศึกษาประชาชนกระสุนปืนเลือดออกในช่องเยื่อหุ้มปอดจากบาดแผลกระสุนปืนนักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และทำงานเป็นพนักงานบริษัท
6บุนนาค สมัครสมาน22 ปีฝ่ายนักศึกษาประชาชนกระสุนปืนถูกกระสุนปืนเสียชีวิตทำลายสมอง(รายงานการชันสูตรพลิกศพระบุว่าอายุ 18 ปี) นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง
7ปรีชา แซ่เฮีย25 ปีฝ่ายนักศึกษาประชาชนอาวุธหลายชนิดถูกของแข็งและอาวุธหลายชนิด ถูกรัดคอกองบรรณาธิการและสายส่งนิตยสาร เอเชียวิเคราะห์ข่าว (นามสกุลและอายุ อ้างอิงจากจากรายงานการชันสูตรพลิกศพ)
8พงษ์พันธ์ เพรามธุรส20 ปีฝ่ายนักศึกษาประชาชนสะเก็ดระเบิดถูกสะเก็ดเข้าช่องอกเสียชีวิตนักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
9ไพบูลย์ เลาหจิระพันธ์22 ปีฝ่ายนักศึกษาประชาชนกระสุนปืนถูกกระสุนปืนเข้าช่องอกและคอนักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
10ภรณี จุลละครินทร์19 ปีฝ่ายนักศึกษาประชาชนกระสุนปืนถูกกระสุนปืนทะลุผ่านหัวใจ เลือดตกในนักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
11ภูมิศักดิ์ ศิระศุภฤกษ์ชัย22 ปีฝ่ายนักศึกษาประชาชนกระสุนปืนถูกกระสุนปืนทำลายกะโหลกศรีษะนักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
12มนัส เศียรสิงห์22 ปีฝ่ายนักศึกษาประชาชนกระสุนปืนถูกกระสุนปืนทะลุกระโหลกศรีษะเสียชีวิตนักศึกษาวิทยาลัยเพาะช่าง และเป็นสมาชิกกลุ่มศิลปินแห่งประเทศไทย (รายงานชันสูตรพลิกศพระบุว่า “ชายไทยไม่ทราบชื่อ”)
13มนู วิทยาภรณ์22 ปีฝ่ายนักศึกษาประชาชนกระสุนปืนถูกกระสุนปืนทะลุผ่านหัวใจ เลือดตกในนักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
14ยุทธนา บูรศิริรักษ์22 ปีฝ่ายนักศึกษาประชาชนกระสุนปืนถูกกระสุนปืนทะลุขั้วปอด เลือดตกในนักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง (รายงานการชันสูตรพลิกศพระบุว่าอายุ 24 ปี)
15วสันต์ บุญรักษ์19 ปีฝ่ายนักศึกษาประชาชนกระสุนปืนถูกกระสุนปืนลูกซอง เสียเลือดมาก
16วัชรี เพชรสุ่น20 ปีฝ่ายนักศึกษาประชาชนกระสุนปืนถูกกระสุนปืนเข้าช่องอกนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
17วิชิตชัย อมรกุล19 ปีฝ่ายนักศึกษาประชาชนอาวุธหลายชนิดถูกของแข็งที่ศรีษะ ถูกแทงและถูกรัดคอนักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
18วิมลวรรณ รุ่งทองใบสุรีย์20 ปีฝ่ายนักศึกษาประชาชนกระสุนปืนถูกกระสุนปืนผ่านปอดขณะหลบหนีในแม่น้ำเจ้าพระยานักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะพยาบาลศาสตร์ โรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล (รายงานการชันสูตรพลิกศพระบุว่าอายุ 18 ปี)
19วิสุทธิ์ พงษ์พานิช20 ปีฝ่ายนักศึกษาประชาชนกระสุนปืนถูกกระสุนปืนนักศึกษาชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยรามคำแหง
20วีระพล โอภาสวิไล19 ปีฝ่ายนักศึกษาประชาชนกระสุนปืนถูกกระสุนปืนนักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล
21ศิริพงษ์ มัณตะเสถียร21 ปีฝ่ายนักศึกษาประชาชนกระสุนปืนถูกกระสุนปืน M 16 ยิงจากด้านหลัง เลือดออกในช่องท้อง
22สงวนพันธุ์ ซุ่นเซ้ง23 ปีฝ่ายนักศึกษาประชาชนกระสุนปืนบาดแผลกระสุนปืนผ่านปอด
23สมชาย ปิยะสกุลศักดิ์22 ปีฝ่ายนักศึกษาประชาชนสะเก็ดระเบิดถูกสะเก็ดระเบิดบาดแผลระเบิดผ่านสมองและตับฉีกขาด
24สัมพันธ์ เจริญสุข20 ปีฝ่ายนักศึกษาประชาชนกระสุนปืนถูกกระสุนปืนที่ศรีษะทำลายสมองนักศึกษาคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล
25สุพจน์ พันธุ์กาฬสินธุ์22 ปีฝ่ายนักศึกษาประชาชนกระสุนปืนถูกกระสุนปืนทะลุกระโหลกศรีษะ ทำลายสมอง
26สุพล พาน25 ปีฝ่ายนักศึกษาประชาชนกระสุนปืนถูกกระสุนปืนและสะเก็ดระเบิดประกอบธุรกิจส่วนตัว
27สุรสิทธิ์ สุภาภา24 ปีฝ่ายนักศึกษาประชาชนกระสุนปืนถูกยิงที่ท้อง และเสียชีวิตในทันทีนักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
28สุวิทย์ ทองประหลาด23 ปีฝ่ายนักศึกษาประชาชนกระสุนปืนถูกกระสุนปืนและบาดแผลสะเก็ดระเบิดทำลายสมอง
29อนุวัตร อ่างแก้ว22 ปีฝ่ายนักศึกษาประชาชนกระสุนปืนถูกกระสุนปืนทำลายสมองนักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
30อภิสิทธิ์ ไทยนิยม21 ปีฝ่ายนักศึกษาประชาชนสะเก็ดระเบิดถูกสะเก็ดระเบิดทำลายสมอง(รายงานการชันสูตรพลิกศพระบุว่าอายุ 17 ปี) นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
31อรุณี ขำบุญเกิด19 ปีฝ่ายนักศึกษาประชาชนกระสุนปืนถูกกระสุนปืนนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง อรุณีเสียชีวิตในโรงพยาบาลศิริราช ในวันที่ 7 ธันวาคม 2519 หลังจากเข้ารับการรักษาพยาบาล 2 เดือน
32อัจฉริยะ ศรีสวาท23 ปีฝ่ายนักศึกษาประชาชนจมน้ำตายในน้ำนักศึกษามหาวิทยาลัยกรุงเทพ ศพของอัจฉริยะถูกพบในวันที่ 7 ตุลาคม 2519 ที่ท่าสวัสดิการทหารเรือ
33อับดุลรอเฮง สาตา23 ปีฝ่ายนักศึกษาประชาชนกระสุนปืนถูกกระสุนปืนที่ศรีษะทำลายสมองนักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
34ชายไทยไม่ทราบชื่อไม่ทราบฝ่ายนักศึกษาประชาชนสะเก็ดระเบิดถูกสะเก็ดระเบิดที่ศรีษะ
35ชายไทยไม่ทราบชื่อไม่ทราบฝ่ายนักศึกษาประชาชนกระสุนปืนถูกกระสุนปืนเข้าช่องปอด
36ชายไทยไม่ทราบชื่อไม่ทราบฝ่ายนักศึกษาประชาชนกระสุนปืนถูกกระสุนปืน
37ศพถูกเผาไม่ทราบชื่อที่ 1ไม่ทราบฝ่ายนักศึกษาประชาชนศพถูกเผาศพถูกเผา
38ศพถูกเผาไม่ทราบชื่อที่ 2ไม่ทราบฝ่ายนักศึกษาประชาชนศพถูกเผาศพถูกเผา
39ศพถูกเผาไม่ทราบชื่อที่ 3ไม่ทราบฝ่ายนักศึกษาประชาชนศพถูกเผาศพถูกเผา
40ศพถูกเผาไม่ทราบชื่อที่ 4ไม่ทราบฝ่ายนักศึกษาประชาชนศพถูกเผาศพถูกเผา
41ประสาน อนุเลิศ22 ปีเจ้าพนักงานและฝ่ายขวากระสุนปืนถูกกระสุนปืน
42พลฯ สมพงษ์ จันทร์เทศ21 ปีเจ้าพนักงานและฝ่ายขวากระสุนปืนถูกกระสุนปืน
43ยุทธชัย ปัญญามิตร26 ปีเจ้าพนักงานและฝ่ายขวากระสุนปืนถูกกระสุนปืนลูกซองเข้าช่องอก
44ส.ต.ท. ปิยะศักดิ์ เพลินหัด51 ปีเจ้าพนักงานและฝ่ายขวากระสุนปืนถูกกระสุนปืนทะลุกะโหลกศรีษะ ทำลายสมอง
45เสมอ อ้นจรูญ39 ปีเจ้าพนักงานและฝ่ายขวากระสุนปืนถูกกระสุนปืนทะลุศรีษะ

มองย้อนกลับไป นี่ไม่ใช่เพียงแค่การกวาดล้างนักศึกษาและการหวนกลับมาของระบบเผด็จการทหาร แต่ยังสะท้อนถึงความโหดเหี้ยมที่กระทำต่อเพื่อนมนุษย์อันยากเกินจะเข้าใจในมโนธรรมสำนึกของใครหลายคน

“แม้การทำความรู้จักผู้เสียชีวิตเหล่านี้จะไม่ทำให้การวิเคราะห์การเมืองหรือประวัติศาสตร์เปลี่ยนไปแบบมีนัยสำคัญ แต่ขณะที่พวกเขาเสียชีวิต เขาเหล่านี้ถูกทำให้เป็นอมนุษย์ ถูกเหยียบให้ต่ำกว่ามนุษย์ และถูกพรากความเป็นมนุษย์ไปเสียแล้ว นอกจากการเรียกร้องความยุติธรรมคืนสู่ผู้เสียชีวิตทุกคน การเคารพเขาที่ดีที่สุดคือการให้เกียรติเขาในฐานะมนุษย์ มอบความเป็นปัจเจกชน มอบความธรรมดาสามัญคืนให้กับเขา”
ธงชัย วินิจจะกูล

การรำลึกถึงปัจเจกชนผู้สูญเสียคือจุดริเริ่มสำคัญที่จะมอบความเป็นธรรมให้แก่พวกเขา แต่การคืนความยุติธรรมที่แท้จริงอาจเป็นการตั้งคำถามว่า ใครต้องรับผิดชอบในโศกนาฏกรรมนี้ ?

6 ตุลา ประวัติศาสตร์ที่(ถูกทำให้)เงียบงัน ?

เหตุการณ์นี้เป็นอีกหนึ่งประวัติศาสตร์บาดแผลที่สั่นคลอนความคิดจิตใจในสังคมไทยอย่างบาดลึก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ได้รับการสะสาง สังคมยังคงต้องการคำอธิบายเพื่อทำความเข้าใจอดีตที่แสนเลวร้ายนี้

เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 เป็นหนึ่งในโศกนาฏกรรมทางการเมืองที่มักถูกยกขึ้นมาเป็นตัวอย่างที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมการลอยนวลพ้นผิดของผู้กระทำความรุนแรงโดยรัฐหรือผู้มีอำนาจได้อย่างชัดเจน โดยสามารถวิเคราะห์ได้ในหลายมิติ

ประการแรก การไม่ต้องรับผิดชอบของผู้กระทำ จนถึงวันนี้ กว่า 49 ปี ยังไม่มีผู้ใดถูกดำเนินคดีหรือรับโทษจากการกระทำเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ กลุ่มฝ่ายขวา หรือประชาชนที่ใช้ความรุนแรง อีกทั้งคดีความต่าง ๆ ถูกยุติหรือไม่ถูกดำเนินต่อ นอกจากนี้ บุคคลบางคนที่เกี่ยวข้องกลับได้รับการเลื่อนตำแหน่งหรือมีบทบาทในสังคมต่อไปโดยไม่มีผลกระทบจากการกระทำในอดีต

ประการต่อมา การนิรโทษกรรมโดยรัฐ ภายหลังเหตุการณ์ รัฐบาลในปี พ.ศ. 2521 ได้ออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องในการชุมนุมในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระหว่างวันที่ 4 ถึงวันที่ 6 ตุลาคม 2519 พ.ศ. 2521 ให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับความวุ่นวายในช่วงนั้น ซึ่งส่งผลให้ผู้ที่สังหารหรือใช้ความรุนแรงกับนักศึกษาได้รับการนิรโทษกรรมหรือไม่ต้องรับโทษไปด้วย ในมุมนี้ ตั้งข้อสังเกตได้หรือไม่ว่าเป็นการสร้างวัฒนธรรม ‘ทำผิดแล้วรอด’ หรือ ‘พ้นผิดลอยนวล’ ให้กลายเป็นบรรทัดฐานที่ผิดปกติของสังคมไทย

“เวลาในตัวมันเองทำให้ความทรงจำเลอะเลือนหรือถึงกับลืมจริงหรือ ? ทำไมเรายังจำบางอย่างได้ทั้งที่เกิดขึ้นมานานแล้ว แต่กลับจำหลายอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้ไม่ได้ ? คำตอบก็คือข้อเท็จจริงเหตุการณ์ต่าง ๆ มีความหมายหรือคุณค่าต่อแต่ละบุคคล กลุ่ม หรือสังคมไม่เท่ากัน เราจดจำสิ่งที่มีคุณค่าความหมายต่อเราได้ดีกว่าสิ่งที่ไม่สำคัญสำหรับเรา” (ธงชัย วินิจกูล, 6 ตุลา ลืมไม่ได้ จำไม่ลง)

ร่วมรำลึกถึงปัจเจกชนผู้สูญเสีย ร่วมจดจำทุกชีวิตที่ถูกพรากจากความโหดร้ายของรัฐไทย

#6ตุลา ลืมไม่ได้ จำไม่ลง


อ้างอิง