การเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ ‘การเลือกตั้ง อบจ.’ ในวันที่ 20 ธันวาคม 2563 ถือเป็นปรากฏการณ์การเลือกตั้งท้องถิ่นที่ฉ่ำที่สุดเท่าที่เคยมีมา เพราะเป็นการเลือกตั้ง ’อบจ.’ ทั่วทั้งประเทศเป็นครั้งแรก และเป็นการเลือกตั้งท้องถิ่นในรอบ 7 ปี หลังจากการรัฐประหารในปี 2557
เนื่องจากคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 1/2557 เรื่องการได้มาซึ่งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นเป็นการชั่วคราว จึงทำให้นายก อบจ. ที่ควรหมดวาระในช่วงปี 2556 ต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อจนถึงปี 2563
หลังจากวันที่ 19 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา ‘นายก อบจ.’ และ ‘สมาชิกสภา อบจ. (ส.อบจ.)’ ที่เคยได้รับเลือกมาในปี 2563 ได้หมดวาระลงเป็นที่เรียบร้อย และจะมีการเลือกตั้งใหม่ในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ในโอกาสนี้ WeVis ขอพาย้อนกลับไปดูการเลือกตั้ง อบจ. ปี 2563 ว่าสถิติการใช้สิทธิเลือกตั้งท้องถิ่นของคนไทยเป็นอย่างไร จังหวัดไหนโดดเด่นเรื่องการออกมาใช้สิทธิ และจังหวัดไหนคนมาน้อยจนน่าใจหาย
ย้อนกลับไปดูเมื่อปี 2563 ทั้งประเทศมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 29,274,372 คน จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 46,573,974 คน หรือคิดเป็น 62.86% จากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง อบจ.
ในจำนวนผู้ใช้สิทธินี้ มีบัตรเสีย 1,652,651 ใบ (5.6%) และมีบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 1,912,623 ใบ (6.5%)
เพื่อไม่ให้เสียเวลา มาดูกันว่าในช่วงการเลือกตั้ง อบจ. 2563 คนจังหวัดไหนและภาคไหน ใช้สิทธิเลือกตั้งมาก-น้อยที่สุดกันบ้าง เริ่มกันที่
10 จังหวัดที่มีสัดส่วนจำนวนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งมากสุด ได้แก่
จังหวัด | ร้อยละ |
---|---|
พัทลุง | 78.0 |
ลำพูน | 77.8 |
นครนายก | 75.7 |
สตูล | 74.2 |
เชียงใหม่ | 71.9 |
นครปฐม | 71.6 |
แม่ฮ่องสอน | 71.1 |
ปัตตานี | 70.9 |
นราธิวาส | 70.3 |
กาญจนบุรี | 69.6 |
หมายเหตุ: จำนวนตัวเลขเปอร์เซ็นต์ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งของแต่ละจังหวัด เป็นตัวเลขอัตราส่วนระหว่างผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งและผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมดของจังหวัดนั้น ๆ
10 จังหวัดที่มีสัดส่วนจำนวนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งน้อยที่สุด ได้แก่
จังหวัด | ร้อยละ |
---|---|
นนทบุรี | 50.0 |
ชลบุรี | 53.5 |
สมุทรสาคร | 54.4 |
สุรินทร์ | 55.5 |
บุรีรัมย์ | 55.7 |
เพชรบูรณ์ | 56.0 |
อุดรธานี | 56.7 |
ศรีสะเกษ | 56.8 |
ร้อยเอ็ด | 57.4 |
หนองบัวลำภู | 57.5 |
และเมื่อมาเทียบเป็นค่าเฉลี่ยของผู้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง อบจ. แยกตามภาคจากมากไปน้อยจะได้เป็น
ภาค | ค่าเฉลี่ยของคนออกมาเลือกตั้งอบจ. |
---|---|
เหนือ | 68.6 |
ใต้ | 68.3 |
ตะวันตก | 65.8 |
ตะวันออก | 63.0 |
กลาง | 62.4 |
ตะวันออกเฉียงเหนือ | 60.6 |
หากย้อนดูข้อมูลการเลือกตั้ง อบจ. ปี 2563 แบ่งตาม 6 ภูมิภาคจะได้ข้อมูลน่าสนใจดังนี้
- จังหวัดที่ผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งมากที่สุดในภาคเหนือคือ ลำพูน (77.8%) และจังหวัดที่มาเลือกน้อยที่สุดคือ อุตรดิตถ์ (61.8%)
- จังหวัดที่ผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากที่สุดในภาคใต้คือ พัทลุง (78.0%) และจังหวัดที่มาเลือกน้อยที่สุดคือ ภูเก็ต (58.7%)
- จังหวัดที่ผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากที่สุดในภาคตะวันตกคือ กาญจนบุรี (69.6%) และจังหวัดที่มาเลือกน้อยที่สุดคือ ประจวบคีรีขันธ์ (62.6%)
- จังหวัดที่ผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากที่สุดในภาคตะวันออกคือ ฉะเชิงเทรา (69.4%) และจังหวัดที่มาเลือกน้อยที่สุดคือ ชลบุรี (53.5%)
- จังหวัดที่ผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากที่สุดในภาคกลางคือ นครนายก (75.7%) และจังหวัดที่มาเลือกน้อยที่สุดคือ นนทบุรี (50%)
- จังหวัดที่ผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือคือ มุกดาหาร (68.1%) และจังหวัดที่มาเลือกน้อยที่สุดคือ สุรินทร์ (55.5%)
หากมองในภาพรวมในระดับประเทศ จะพบว่า
- จังหวัดที่ผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งมากที่สุดคือ พัทลุง มีผู้ออกมาใช้สิทธิถึง 78.0%
- จังหวัดที่ผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งน้อยที่สุดที่คือ นนทบุรี ที่มีผู้ออกมาใช้สิทธิเพียง 50%
- จังหวัดที่มีบัตรเสียเยอะที่สุดคือ แม่ฮ่องสอน มีบัตรเสียถึง 22.5% ของผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่า คะแนนเสียงของประชาชนที่เลือกผู้สมัคร นายก อบจ. หมายเลข 2 คือ ‘นางนันทิยา วงศ์วานิช’ ที่ในเวลาต่อมาพบว่ามีคุณสมบัติไม่ตรงตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดไว้ จากประวัติการย้ายทะเบียนบ้านเข้ามาในเขตเลือกตั้งที่ยังไม่ครบ 1 ปี ทำให้คะแนนเสียงทั้งหมดที่เลือกนางนันทิยา ถูกนับเป็นบัตรเสีย
อย่างไรก็ตาม แม้ในปี 2563 การเลือกตั้ง อบจ. เกิดขึ้นพร้อมกันทั้งประเทศ แต่ใช่ว่าจะมีการเลือกตั้งนายก อบจ. พร้อมกันทั้งประเทศในต้นปี 2568 ด้วยเหตุเพราะว่าบางจังหวัดมีการเลือกตั้งซ่อม และในบางจังหวัดนั้น นายก อบจ. ชิงลาออกก่อนจะหมดวาระ
ผศ.ดร.ณัฐกร วิทิตานนท์ จากภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ได้วิเคราะห์ถึงสาเหตุการที่นายก อบจ. ชิงลาออกก่อนหมดวาระ ว่าอาจเป็นเพราะเหตุผลดังต่อไปนี้
- เพื่อป้องกันและหลีกเลี่ยงการถูกร้องเรียน เนื่องจาก พ.ร.บ. การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 ห้ามผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น นายก อบจ. หาเสียงหรือดำเนินการใด ๆ ในเชิงหาเสียงเลือกตั้งในระยะเวลา 180 วันก่อนครบวาระ และห้ามไม่ให้ผู้สมัครฯ หรือผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น (มาตรา 65) ความหวาดกลัวข้อกฎหมายตรงนี้จึงทำให้ นายก อบจ. ไม่สามารถดำเนินการโครงการหรือหลีกเลี่ยงทำการเบิกจ่ายเงิน เพราะหากทำแล้วเข้าข่ายผิดตาม พ.ร.บ. เลือกตั้งท้องถิ่นฯ อาจนำมาสู่การถูกดำเนินคดีอาญาเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งและชดเชยค่าใช้จ่ายการเลือกตั้งได้
- เพื่อชิงความได้เปรียบในการเลือกตั้ง เนื่องจากผู้สมัครคนอื่นยังไม่พร้อมลงหาเสียงหรืออาจรอให้นายก อบจ. คนปัจจุบันหมดวาระก่อน ส่งผลทำให้เกิดการผูกขาดทางอำนาจในแง่ความพร้อมในการลงสมัครรับเลือกตั้งได้ รวมไปถึงปัจจัยในด้านความตื่นตัวของประชาชนที่อาจน้อยกว่า เพราะไม่มีการประชาสัมพันธ์ในเรื่องการเลือกตั้งมากเท่าที่ควรจะเป็นจากทั้งสื่อหลักและสื่อท้องถิ่น หรืออาจติดธุระในวันเลือกตั้งได้ นอกจากนี้ ด้วยเงื่อนไขของการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ไม่มีการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนในในเขตพื้นที่สามารถเลือกตั้งล่วงหน้าและเลือกตั้งนอกเขตได้ ทำให้การมีส่วนร่วมจากภาคประชาชนในการออกไปใช้สิทธิจึงมีน้อยกว่าการเลือกตั้งหลังจากครบวาระ
- สาเหตุอื่น ๆ เช่น วิเชียร ขาวขำ อดีตนายก อบจ. อุดรธานีที่ลาออกเนื่องปัญหาสุขภาพ อัครา พรหมเผ่า อดีตนายก อบจ. พะเยา (น้องชายของ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า) ลาออกเพื่อรับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
อย่างที่ได้เกริ่นไปก่อนหน้านี้ว่า การเลือกตั้ง อบจ. 2568 จะไม่เกิดขึ้นพร้อมกันทั้งประเทศอย่างที่เคยเกิดขึ้นในปี 2563 เพราะมีการเลือกตั้งซ่อมเกิดขึ้นระหว่างวาระหรือมีการลาออกก่อนครบวาระของ นายก อบจ. ทำให้บางจังหวัดจัดการเลือกตั้งเพื่อเลือกนายก อบจ. คนใหม่ไปแล้ว หรือกำลังจะมีการเลือกตั้ง อบจ. ในเร็ว ๆ นี้
เมื่อสืบค้นข้อมูลของจังหวัดที่มีการเลือกตั้ง นายก อบจ. ไปแล้ว พบว่านายก อบจ. หน้าเดิมที่ลาออกก่อนหมดวาระได้รับการเลือกกลับมาเป็น นายก อบจ. สมัยใหม่ 12 จังหวัดจาก 25 จังหวัด นับเป็น 48% จากทุกจังหวัดที่มีการเลือกตั้งใหม่ในช่วงปี 2567 และมีถึง 3 จังหวัดที่ไม่มีคู่แข่ง คือ ชุมพร อ่างทอง และอุทัยธานี ตามรายละเอียดด้านล่าง
สถิติจังหวัดที่มีการเลือกตั้งไปแล้ว (สืบค้นเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2567)
จังหวัด | สัดส่วนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ปี 63 | สัดส่วนผู้มาใช้สิทธิเลือกในปีที่การเลือกตั้งใหม่ (ช่วงปี 2565-2567) | สัดส่วนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งที่หายไป | นายก อบจ. ปี 63. | นายก อบจ. สมัยปัจจุบัน (เลือกตั้งในช่วงปี 2565- 2567) | คนใหม่/คนเดิม | ข้อมูลที่น่าสนใจ |
---|---|---|---|---|---|---|---|
ปทุมธานี | 58.6 | 37.5 | 21.1 | คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง | คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง | คนเดิม | เลือกตั้งซ่อมเพราะว่าชาญ พวงเพ็ชรถูกใบเหลืองจาก กกต. |
ขอนแก่น | 59.3 | 50.2 | 9 | พงษ์ศักดิ์ ตั้งวานิชกพงษ์ | วัฒนา ช่างเหลา | คนใหม่ | สมาชิกพรรคเพื่อไทย และบิดาคือ นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น เขต 4 พรรคภูมิใจไทย |
กาญจนบุรี | 69.6 | 47.2 | 22.3 | สุรพงษ์ ปิยะโชติ | ประวัติ กิจธรรมกูลนิจ | คนใหม่ | – |
กาฬสินธุ์ | 60.9 | 55.7 | 5.2 | ชานุวัฒน์ วรามิตร | เฉลิมขวัญ หล่อตระกูล | คนใหม่ | – |
ชัยนาท | 63.2 | 51.9 | 11.3 | อนุสรณ์ นาคาศัย | จิตร์ธนา ยิ่งทวีลาภา | คนใหม่ | พี่สาว สส. พรรครวมไทยสร้างชาติ และ พี่สาวของอนุสรณ์ นาคาศัย อดีตนายก อบจ. ชัยนาท |
ชัยภูมิ | 60.7 | 23.3 | 37.4 | อร่าม โล่ห์วีระ | สุรีวรรณ นาคาศัย | คนใหม่ | เป็นภรรยาของ นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ สส.พรรคภูมิใจไทย เขต 3 |
ชุมพร | 68.1 | 39.1 | 29.0 | นพพร อุสิทธิ์ | นพพร อุสิทธิ์ (ผู้สมัครคนเดียว) | คนเดิม | ไม่มีคู่แข่ง |
นครสวรรค์ | 59.9 | 37.5 | 22.4 | สมศักดิ์ จันทะพิงค์ | สมศักดิ์ จันทะพิงค์ | คนเดิม | ได้รับการสนับสนุนจาก ชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย และมนัญญา ไทยเศรษฐ์ ประธานที่ปรึกษา รมช. มหาดไทย |
พระนครศรีอยุธยา | 66.6 | 59.4 | 7.1 | สมทรง พันธ์เจริญวรกุล | สมทรง พันธ์เจริญวรกุล | คนเดิม | ลูกชายคือ สุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล เป็น รมช. กระทรวงศึกษาธิการ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และสส. จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เขต 3 |
พะเยา | 67.2 | 61.7 | 5.5 | อัครา พรหมเผ่า | ธวัช สุทธวงค์ | คนใหม่ | อยู่ในเครือข่ายพรรคการเมืองเดียวกันคือ พรรคเพื่อไทย และเป็นคนสนิทของ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า |
พิษณุโลก | 63.3 | 53.3 | 9.9 | มนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ | มนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ | คนเดิม | มีความสัมพันธ์อันดีกับนายสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำและรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลูกชายคือ อั้ม-อดุลวิทย์ วิวัฒน์ธนาฒย์ลงเลือกตั้งทั่วไปปี 66 พรรคพลังประชารัฐ |
ยโสธร | 61.8 | 44.2 | 17.6 | วิเชียร สมวงศ์ | วิเชียร สมวงศ์ | คนเดิม | ลงในนามพรรคเพื่อไทย |
ร้อยเอ็ด | 57.4 | 55.2 | 2.1 | เอกภาพ พลซื่อ | เศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์ | คนใหม่ | – |
ระนอง | 64.8 | 50.1 | 14.7 | ธนกร บริสุทธิญาณี | สีหราช สรรพกุล | คนใหม่ | ได้รับการสนับสนุนจาก นายคงกฤษ ฉัตรมาลีรัตน์ สส. ระนอง พรรคภูมิใจไทย และเป็นอดีตนายกอบจ.ระนอง |
ราชบุรี | 68.1 | 66.1 | 1.9 | วิวัฒน์ นิติกาญจนา | วิวัฒน์ นิติกาญจนา | คนเดิม | สามีของนางบุญยิ่ง นิติกาญจนา สส. เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ |
เลย | 66.3 | 51.1 | 15.1 | ธนาวุฒิ ทิมสุวรรณ | ชัยธวัช เนียมศิริ | คนใหม่ | อิสระ/เป็นอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเลยมาก่อน |
สระแก้ว | 64.2 | 47.2 | 17 | ขวัญเรือน เทียนทอง | ฐานิสร์ เทียนทอง | คนใหม่ | – |
สุโขทัย | 61.7 | 50.9 | 10.7 | มนู พุกประเสริฐ | มนู พุกประเสริฐ | คนเดิม | พี่ชายนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน ภรรยานายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข |
อ่างทอง | 64.7 | 46.8 | 17.9 | สุรเชษ นิ่มกุล | สุรเชษ นิ่มกุล (ผู้สมัครคนเดียว) | คนเดิม | ไม่มีคู่แข่ง |
อุทัยธานี | 58.9 | 36.1 | 22.7 | เผด็จ นุ้ยปรี | เผด็จ นุ้ยปรี (ผู้สมัครคนเดียว) | คนเดิม | ไม่มีคู่แข่ง |
อุดรธานี | 56.7 | 52.1 | 4.5 | วิเชียร ขาวขำ | ศราวุธ เพชรพนมพร | คนใหม่ | ลงในนามพรรคเพื่อไทย และมีอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ช่วยปราศัยหาเสียง |
นครศรีธรรมราช | 64.0 | 55.8 | 8.2 | กนกพร เดชเดโช | วาริน ชิณวงศ์ | คนใหม่ | ลงสมัครในนามกลุ่มนครเข้มแข็ง สังกัดพรรคภูมิใจไทย |
เพชรบุรี | 64.5 | 64.4 | 0.1 | ชัยยะ อังกินันทน์ | ชัยยะ อังกินันทน์ | คนเดิม | สามีของนางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ สส. เพชรบุรี เขต 1 รทสช. |
สุรินทร์ | 55.5 | 53.07 | 2.4 | พรชัย มุ่งเจริญพร | ธัญพร มุ่งเจริญพร | คนใหม่ | น้องสะใภ้ของพรชัย มุ่งเจริญพร อดีตนายก อบจ. สุรินทร์ และมีสามีคือนายปกรณ์ มุ่งเจริญพร สส. เขต 1 พรรคภูมิใจไทย |
กำแพงเพชร | 57.8 | 45.0 | 12.7 | สุนทร รัตนากร | สุนทร รัตนากร | คนเดิม | พี่ชายของนายวราเทพ รัตนากร อดีต รมช. ว่าการกระทรวงการคลัง ผู้อำนวยการสำนักงาน พปชร. |
ตาก | 64.1 | 54.1 | 9.9 | ณัฐวุฒิ ทวีเกื้อกุลกิจ | อัจรา ทวีเกื้อกุลกิจ | คนใหม่ | ภรรยาของธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ตาก และลูกสะใภ้ของณัฐวุฒิ ทวีเกื้อกุลกิจ อดีตนายก อบจ.ตาก |
เพชรบูรณ์ | 56.0 | 46.1 | 9.8 | อัครเดช ทองใจสด | อัครเดช ทองใจสด | คนเดิม | ลููกชายคือ นายอัคร ทองใจสด ส.ส.พลังประชารัฐ เขต 6 รวมถึงมีพ่อคือ เอี่ยม ทองใจสด เป็นอดีต สส. พลังประชารัฐ |
อุบลราชธานี | 63.0 | 61.0 | 1.9 | กานต์ กัลป์ตินันท์ | กานต์ กัลป์ตินันท์ | คนเดิม | น้องชายของเกรียง กัลป์ตินันท์ สส. แบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 6 และมีอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ช่วยปราศัยหาเสียง |
อุตรดิตถ์ | 61.8 | 52.1 | 9.6 | ชัยศิริ ศุภรักษ์จินดา | ชัยศิริ ศุภรักษ์จินดา | คนเดิม | ได้รับการสนับสนุนจากพรรคเพื่อไทย |
จากสถิติพบว่า ในการเลือกตั้งก่อนครบวาระข้างต้น สัดส่วนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งลดลงจากเดิมทุกจังหวัด โดยมีค่าเฉลี่ยของผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งน้อยกว่าปี 2563 ถึง 12.7% โดยจังหวัดที่สัดส่วนของผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งลดลงมากที่สุด คือ ชัยภูมิ ที่แต่เดิมในปี 2563 มีสัดส่วนผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 60.7% แต่ในปี 2567 ที่มีการเลือกตั้งนายก อบจ. มีสัดส่วนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 23.3% หรือลดลงมากถึง 37.4%
จะเห็นได้ว่าการชิงลาออกก่อนหมดวาระเพื่อกลับเข้ามาเลือกตั้งใหม่ทำให้ความตื่นตัวของประชาชนลดน้อยถอยลงอย่างชัดเจน และมีผลทำให้นายก อบจ. หน้าเดิมได้อยู่อีกสมัยและสะสมอำนาจ ผูกขาดท้องถิ่นไว้กับเครือญาติต่อไป
ส่วนจังหวัดที่ได้ นายก อบจ. หน้าใหม่ในการเลือกตั้งซ่อม มีอยู่ 10 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น ชัยนาท พะเยา ชัยภูมิ ระนอง อุดรธานี นครศรีธรรมราช สุรินทร์ ตาก และเลย เป็นเหตุจากการแข่งขันที่ระหว่างพรรคการเมืองและบ้านใหญ่หรือความสัมพันธ์ทางเครือญาติกับ นายก อบจ. คนเดิม
- วัฒนา ช่างเหลา นายก อบจ. ขอนแก่น แม้จะลงในสมัครชิงนายกในนามพรรคเพื่อไทย แต่บิดา นายเอกราช ช่างเหลา เป็น สส. ขอนแก่น เขต 4 พรรคภูมิใจไทย
- จิตร์ธนา ยิ่งทวีลาภา นายก อบจ. ชัยนาถ เป็นพี่สาวของ อนุชา นาคาศัย สส. พรรครวมไทยสร้างชาติ และ พี่สาวของอนุสรณ์ นาคาศัย อดีตนายก อบจ. ชัยนาถ
- ธวัช สุทธวงค์ นายก อบจ. พะเยา ชนะเพราะการผลักดันของพรรคเพื่อไทยและการสนับสนุนจากร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้เป็นพี่ชายของ อัครา พรหมเผ่า นายก อบจ. พะเยาคนก่อนหน้านี้
- สุรีวรรณ นาคาศัย นายก อบจ. ชัยภูมิ เป็นภรรยาของ นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ สส.พรรคภูมิใจไทย เขต 3
- สีหราช สรรพกุล นายก อบจ. ระนอง ได้รับการสนับสนุนจาก นายคงกฤษ ฉัตรมาลีรัตน์ อดีตนายก อบจ.ระนอง และ สส. ระนอง พรรคภูมิใจไทย
- ศราวุธ เพชรพนมพร นายก อบจ. อุดรธานี ลงในนามพรรคเพื่อไทย และมีอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ช่วยปราศัยหาเสียง
- วาริน ชิณวงศ์ นายก อบจ. นครศรีธรรมราช ลงสมัครในนามกลุ่มนครเข้มแข็ง สังกัดพรรคภูมิใจไทย และเคยเป็นอดีตเลขานุการส่วนตัวของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน และแกนนำพรรคภูมิใจไทย
- ธัญพร มุ่งเจริญพร นายก อบจ. สุรินทร์ เป็นน้องสะใภ้ของพรชัย มุ่งเจริญพร อดีตนายก อบจ. สุรินทร์ และมีสามีคือนายปกรณ์ มุ่งเจริญพร สส. เขต 1 พรรคภูมิใจไทย และน้องชายของพรชัย
- อัจฉรา ทวีเกื้อกูลกิจ เป็น อดีตรอง นายก อบจ. ตาก ภรรยาของ นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ อดีต สส.ตาก และลูกสะใภ้ของ นายณัฐวุฒิ ทวีเกื้อกูลกิจ อดีตนายก อบจ.ตาก
มีเพียงจังหวัดเลยคือ นายชัยธวัช เนียมศิริ ที่เป็นนายก อบจ. หน้าใหม่ ไม่เคยลงเล่นการเมืองท้องถิ่นมาก่อน ทั้งนี้นายชัยธวัช เคยเป็นอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเลยมาก่อน จึงยังจำต้องพึ่งพาฐานเสียงของนักการเมืองในพื้นที่อยู่เช่นเดิม
นอกจากนี้ หากนำสถิติการเลือกตั้งอื่น ๆ ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน อย่างการเลือกตั้งทั่วไป ปี 2562 มีผู้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 38,341,644 คน จากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 51,214,120 คนทั่วประเทศ หรือคิดเป็น 74.8% มาเทียบกับการเลือกตั้ง อบจ. 2563 ที่มีผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง 29,274,372 คน จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 46,573,974 คน หรือคิดเป็น 62.8% มีสัดส่วนผู้มาใช้สิทธิต่อผู้มีสิทธิห่างกันถึง 12% เพราะอะไรตัวเลขจึงหายไปมากขนาดนี้ ? เหตุผลที่มาสามารถอธิบายกรณีที่เกิดขึ้นนี้ อาจประกอบไปด้วย
- กกต. ไม่ได้อำนวยความสะดวกให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้าทั้งในเขตและนอกเขต และไม่มีการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร
- ข้อกังวลต่อการเสี่ยงติดโควิด-19 แม้ว่าจะมีการผ่อนปรนและยกเลิกมาตรการ Lockdown ทั่วทั้งจังหวัดแล้ว แต่หลายจังหวัดยังอยู่ในการคุมเข้ม เนื่องจากยังเกิดคลัสเตอร์ตามพื้นที่ต่าง ๆ เช่น คลัสเตอร์ตลาดกลางกุ้งที่จังหวัดสมุทรสาคร และคลัสเตอร์บ่อนการพนันในจังหวัดโซนภาคตะวันออก จึงมีการสั่งคัดกรองและระงับไม่ให้มีการเดินทางจากพื้นที่ดังกล่าว แม้ว่าจะมีการจัดหน่วยเลือกตั้งเพื่อลดความแออัดและความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ แต่ก็ไม่สามารถทำให้ประชาชนอุ่นใจมากพอที่จะเดินทางไปยังหน่วยเลือกตั้งเพราะกังวลว่าอาจทำให้ตนเสี่ยงติดเชื้อได้
- การเลือกตั้งจัดขึ้นในวันที่ 20 ธันวาคม 2563 ซึ่งเป็นวันอาทิตย์ก่อนหยุดยาวช่วงปีใหม่ อาจทำให้หลายคนไม่สะดวกลางานเพื่อไปเลือกตั้งแล้วกลับมาทำงานอีกครั้ง แทนที่จะสามารถลางานกลับบ้านในช่วงหยุดยาวและไปเลือกตั้ง อบจ. ในคราวเดียวกัน
- ข้อสุดท้ายคือ คนอาจไม่ได้สนใจและไม่ตื่นตัวกับการเลือกตั้งท้องถิ่นเท่ากับการเลือกตั้งทั่วไป เพราะเลือกไปแล้วไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง เห็นเพียงแต่หน้าเดิม ๆ นามสกุลเดิม ๆ
แม้อุปสรรคในปี 2563 จะมากมาย แต่ในการเลือกตั้งนายก อบจ. ในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ที่จะถึงนี้ สถานการณ์ข้างต้นก็คลี่คลาย เป็นโอกาสที่เราจะได้ใช้สิทธิกันอย่างเต็มที่อีกครั้ง WeVis จึงอยากเชิญชวนให้ทุกคนกลับบ้านไปเลือกตั้ง อบจ. ด้วยเหตุผลต่อไปนี้
- งบประมาณ อบจ. มากจากภาษีที่เราจ่าย โดยรายได้หลักของ อบจ. มาจาก ‘ภาษีที่รัฐบาลจัดเก็บ’ แล้วจัดสรรให้ท้องถิ่น รายได้ส่วนนี้มีสัดส่วนสูงที่สุด เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 70% ของรายรับทั้งหมดของ อบจ. ในฐานะประชาชนผู้จ่ายภาษี คงน่าเสียดายหากไม่ออกไปใช้สิทธิเลือก นายก อบจ. ที่ถูกใจ เข้ามาบริหารงบประมาณในส่วนนี้
- เป็นการแสดงออกว่าเราต้องการเปลี่ยนแปลงจังหวัด หรือต้องการเห็นสิ่งใหม่ ๆ เช่น เปลี่ยนโฉมหน้า นายก อบจ. ที่อาจเน้นการรักษาตำแหน่งให้ตัวเองหรือเครือญาติมากกว่ามุ่งเน้นการพัฒนาจังหวัด
- นายก อบจ. เป็นผู้ที่มีความใกล้ชิดกับประชาชนในจังหวัดมากกว่าผู้ว่าราชการจังหวัดที่มาจากการแต่งตั้งจากส่วนกลาง และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่มีภารกิจหลักเป็นตัวแทนของคนในจังหวัดไปพูดคุยในสภา ซึ่งต้องรอมติจากที่ประชุมรัฐสภาโดยใช้ระยะเวลานานกว่า โดย นายก อบจ. จะเป็นผู้ที่สามารถลงพื้นที่ได้โดยตรงและแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที เช่นเดียวกันกับผู้บริหารท้องถิ่นอื่น ๆ อย่าง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และนายก อบต.
- หากไม่ไปใช้สิทธิ เราอาจเสียสิทธิในการลงสมัครหรือเข้ารับตำแหน่งทางการเมืองและการเข้าชื่อถอดถอนต่าง ๆ เพราะทำผิด พ.ร.บ. เลือกตั้งท้องถิ่นฯ สิทธิที่เสียไปมีทั้งสิ้น 6 ประการ ดังนี้
- สมัครรับเลือกตั้งเป็น สส. สว. สมาชิกสภาท้องถิ่น และผู้บริหารท้องถิ่น
- สมัครรับเลือกเป็นกำนันและผู้ใหญ่บ้าน
- เข้าชื่อร้องขอให้ถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
- ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมืองและข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง
- ดำรงตำแหน่งรองผู้บริหารท้องถิ่น เลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยเลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น ประธานที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น ที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น หรือคณะที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น
- ดำรงตำแหน่งเลขานุการประธานสภาท้องถิ่น ผู้ช่วยเลขานุการประธานสภาท้องถิ่น และเลขานุการรองประธานสภาท้องถิ่น
‘นักการการเมืองจากบ้านใหญ่’ ‘คนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งน้อย’ ปัญหานี้แก้ไขได้หากทุกคนพร้อมใจกันเปลี่ยนแปลง 1 กุมภาฯ เข้าคูหา กาเลือกนายก อบจ. ที่คุณต้องการ
บทความโดย
พีรกิตติ์ ศรีกุล – Project Coordinator Intern
อ้างอิง
- เลือกตั้งท้องถิ่น : ปรากฏการณ์ใหม่-ข้อมูล-สถิติน่าสนใจในศึกเลือกตั้ง อบจ. 63 – BBC News ไทย
- เลือกตั้ง อบจ. 20 ธันวาฯ กติกาของ คสช. ไม่สนับสนุนผู้ใช้สิทธิ
- เปิดหีบแล้ว ! เลือก อบจ.ทุกจังหวัดเข้มป้องกัน COVID-19
- ไร้คู่แข่ง ‘ชัยยะ อังกินันทน์’ คว้านายก อบจ.เพชรบุรี อีกสมัย
- การใช้สิทธิเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด วันที่20 ธันวาคม 2563