“อาจจะยังน้า” เป็นคำพูดสแลงที่ใช้ในบริบท “ยังไม่ใช่” หรือ “ยังไม่โอเค”
Save the date! เตรียมตัวให้พร้อม 11 มกราคม 2569 เรามีนัดไปใช้สิทธิเลือกตั้ง องค์การบริหารส่วนตําบล (อบต.) หนึ่งในสนามเลือกตั้งท้องถิ่นที่ประชาชนจะได้มีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางการพัฒนาตำบลของตัวเองจากคนในพื้นที่ที่เข้าใจปัญหาจริง
แต่ก่อนจะถึงวันเลือกตั้ง หลายคนอาจจะต้องเจอกับอุปสรรคในการออกไปใช้สิทธิ เช่น
- ต้องกลับบ้านไปเลือกตั้งเพราะไม่มีระบบลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าหรือนอกเขต
- ไม่สามารถเลือกตั้งตามที่อยู่อาศัยจริงได้เพราะไม่มีชื่อในทะเบียนบ้าน หรือ
- ต้องเสียสิทธิเลือกตั้งเพราะย้ายทะเบียนบ้าน
ปัญหาเหล่านี้ที่ดูเหมือนซับซ้อน แต่จริง ๆ แล้วมีทางแก้ โดยต้องเริ่มจากการแก้ไขโครงสร้างของกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น อย่าง พ.ร.บ. การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 (พ.ร.บ. เลือกตั้งท้องถิ่นฯ)
ในกฎหมายฉบับดังกล่าว เราจะพบข้อจำกัดในการอำนวยความสะดวกการใช้สิทธิเลือกตั้งของประชาชน ซึ่งสามารถ ’ปลดล็อก’ เพื่อเพิ่มโอกาสให้ประชาชนอย่างคุณออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้
Disclaimer: เนื้อหาในบทความชิ้นนี้วิเคราะห์จากข้อมูลในโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “รับฟังความคิดเห็นเพื่อการแก้ไข เพิ่มเติมพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๖๒” โดยคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ร่วมกับเครือข่าย We Watch
🚩 ประชาชนยังเข้าถึงการเลือกตั้งท้องถิ่นได้ยากกว่าการเลือกตั้ง สส. เพราะระบบอำนวยความสะดวกยังไม่เทียบเท่า
เมื่อเปรียบเทียบการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งระหว่างการเลือกตั้งท้องถิ่น เช่น การเลือกตั้ง อบต. กับการเลือกตั้งทั่วไป (สส.) จะพบว่า การเลือกตั้งท้องถิ่นไม่มีระบบจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าและเลือกตั้งนอกเขตพื้นที่สำหรับประชาชนที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในภูมิลำเนาเช่นเดียวกับการเลือกตั้งทั่วไป
| ประเภทการเลือกตั้ง | เลือกตั้งล่วงหน้า | เลือกตั้งนอกเขต |
|---|---|---|
| เลือกตั้งทั่วไป (สส.) | ✅ | ✅ |
| เลือกตั้งท้องถิ่น (เช่น อบต.) | ❌ | ❌ |
การอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการเลือกตั้งท้องถิ่นที่น้อยกว่าการเลือกตั้งทั่วไป สร้างเงื่อนไขให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องลงคะแนนเสียงที่ภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้านเพียงอย่างเดียว หรือสร้างต้นทุนให้แก่ประชาชนที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในภูมิลำเนาต้องตัดสินใจเลือกระหว่าง ‘กลับบ้านเพื่อเลือกตั้ง’ หรือ ‘แจ้งไม่ใช้สิทธิ์เลือกตั้ง’

🔑 สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าและนอกเขต ควรมีอยู่ในการเลือกตั้งทุกระดับ
ข้อมูลจากปี 2567 ประเทศไทยมีประชากรแฝง หรือผู้ที่อาศัยอยู่นอกภูมิลำเนาทะเบียนบ้านกว่า 9.48 ล้านคน นั่นหมายความว่า ในจำนวนนี้ มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ต้องกลับไปใช้สิทธิในเขตพื้นที่ตามทะเบียนบ้านทุกครั้งเมื่อมีการเลือกตั้งท้องถิ่น หรือจำใจเลือก ‘แจ้งไม่ใช้สิทธิ์เลือกตั้ง’ หากพบว่าไม่สะดวกในวันดังกล่าว
กฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นในปัจจุบัน ยังไม่มีข้อกำหนดเรื่องการจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าและนอกเขต สิ่งที่ตามมาคือข้อจำกัดสำหรับผู้ที่ไม่สามารถกลับภูมิลำเนาในวันเลือกตั้งได้ เช่น ผู้ที่ทำงานหรือศึกษาอยู่ต่างจังหวัด
หากในอนาคต ประชาชนที่มีชื่อในทะเบียนบ้านในเขตท้องถิ่นสามารถลงทะเบียนเพื่อขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าและเลือกตั้งนอกเขต ในทุกกรณีของการเลือกตั้งท้องถิ่น หรือตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เห็นสมควร ผลที่จะตามมาคือ ประชาชนจะมีช่องทางและความยืดหยุ่นในการใช้สิทธิเลือกตั้งท้องถิ่นมากขึ้น ลดอุปสรรคด้านเวลาและระยะทาง อีกทั้งยังเพิ่มจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งจากการลดข้อจำกัดนี้
นอกจากนี้ การพิจารณาให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่นล่วงหน้านอกราชอาณาจักร ยังเป็นอีกตัวเลือกที่ปลดล็อกสิทธิของประชาชนได้ เช่น กลุ่มแรงงานหรือนักศึกษาที่อยู่ต่างประเทศและต้องการกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิด ซึ่งต้องการใช้สิทธิเลือกผู้แทนท้องถิ่นของตัวเองด้วยเช่นกัน
🚩 คนอยู่ไม่ได้เลือก คนเลือกไม่ได้อยู่
มาตรา 38 (3) ของ พ.ร.บ. เลือกตั้งท้องถิ่นฯ กำหนดให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 1 ปีก่อนวันเลือกตั้ง ด้วยเงื่อนไขนี้ ทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งท้องถิ่นในเขตพื้นที่หนึ่ง ๆ ต้องเป็นคนที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเท่านั้น
แต่ในโลกของความเป็นจริง ยังมีผู้ที่มีทะเบียนบ้านต่างถิ่นแต่ใช้ชีวิตอยู่จริงในอีกพื้นที่หนึ่ง เช่น นักเรียน ผู้ที่ต้องเคลื่อนย้ายที่ทำงาน ประชาชนกลุ่มนี้ที่ใช้ชีวิตและสร้างสรรค์รายได้ในเขตพื้นที่นอกทะเบียนบ้าน กลับไม่มีสิทธิเลือกตั้งในพื้นที่ที่ตนมีส่วนร่วมจริง

🔑 เพิ่มสิทธิให้ประชาชนเลือกตั้งตามที่อยู่อาศัยจริง เพราะจ่ายภาษีท้องที่เช่นเดียวกับผู้ที่มีทะเบียนบ้าน
ในปัจจุบัน ประเทศในยุโรปเพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชนที่ใช้ชีวิตอยู่ในเขตพื้นที่ท้องถิ่นให้สามารถใช้สิทธิเลือกตั้งผู้แทนท้องถิ่นด้วยระบบ ‘สิทธิเลือกตั้งตามที่อยู่อาศัย (residence-based voting)’ ได้ ตัวอย่างเช่น การเลือกตั้งรัฐสภาและการเลือกตั้งท้องถิ่นของสกอตแลนด์เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติที่พำนักอย่างถูกกฎหมายมีสิทธิเลือกตั้งได้ หรือ การให้สิทธิพลเมืองสหภาพยุโรปที่อาศัยอยู่ในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปอีกประเทศหนึ่ง มีสิทธิ์ที่จะลงคะแนนเสียงและสมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งท้องถิ่นของประเทศนั้นได้ โดยต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของประเทศที่พำนักอาศัย
การเพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่จริงให้สามารถใช้สิทธิเลือกตั้งได้ อาจสะท้อนเจตจำนงของคนที่อยู่จริงในพื้นที่ ทำให้คนที่อาศัย ใช้บริการ หรือได้รับผลกระทบจากนโยบายท้องถิ่นจริง ๆ มีเสียงในการตัดสินใจ
ระบบนี้ยังสอดคล้องกับการปรับใช้ข้อมูลประชากรแบบ dynamic registry หรือฐานข้อมูลที่ปรับตามที่อยู่อาศัยจริงของประชาชน ซึ่งจะช่วยให้รัฐสามารถบริหารจัดการข้อมูลผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้ถูกต้องและเป็นปัจจุบันมากขึ้น เป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาระบบเลือกตั้งรูปแบบใหม่ เช่น การลงทะเบียนออนไลน์เพื่อใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าและนอกเขต
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มการมีส่วนร่วมในแนวทางนี้ ต้องมาพร้อมกับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ครอบคลุมเพื่อป้องกันการใช้สิทธิที่ซ้ำซ้อน เช่น การกำหนดหลักเกณฑ์ขั้นต่ำเรื่องระยะเวลาที่พำนักอาศัย หลักฐานการพำนักอาศัยที่ตรวจสอบได้ และเงื่อนไขการไม่ใช้สิทธิตามทะเบียนบ้านเมื่อแจ้งความจำนงใช้สิทธิเลือกตั้งตามที่อยู่อาศัยจริง
🚩 ย้ายบ้านแล้วเสียสิทธิเลือกตั้ง เพราะเงื่อนไขกฎหมายไม่เอื้อ
อีกครั้งที่ มาตรา 38 (3) ของ พ.ร.บ. เลือกตั้งท้องถิ่นฯ กำหนดให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 1 ปีก่อนวันเลือกตั้ง ทำให้ประชาชนที่ย้ายถิ่นฐานช่วงเลือกตั้งขาดคุณสมบัติและสูญเสียสิทธิเลือกตั้งเพราะไม่ครบระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนด

🔑 ลดข้อจำกัดเรื่องสิทธิที่ยังผูกติดกับ ‘ทะเบียนบ้าน’
จากเงื่อนไขนี้ การเพิ่มการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน เริ่มต้นได้จากการพิจารณาปรับลดระยะเวลาขั้นต่ำที่ประชาชนต้องย้ายทะเบียนบ้านก่อนวันเลือกตั้งให้สั้นลง เช่น ลดเหลือ 90 วัน โดยผู้ที่ย้ายทะเบียนบ้านน้อยกว่า 90 วัน ให้ใช้สิทธิในเขตเลือกตั้งเดิมได้ ในกรณีนี้จะเป็นรักษาสิทธิของผู้ที่ย้ายที่อยู่บ่อย และทำให้การใช้สิทธิเลือกตั้งสะดวกและสอดคล้องกับชีวิตจริงมากขึ้น
📍 เมื่อมองประชาชนเป็นหัวใจของระบบเลือกตั้ง ประชาธิปไตยในระดับท้องถิ่นก็ไม่ได้เป็นเพียงแค่กลไกการกระจายอำนาจ แต่คือสิทธิของผู้คนในทุกท้องถิ่น
การเพิ่มการอำนวยความสะดวกและการปลดล็อกข้อจำกัดเรื่องสิทธิการเลือกตั้งที่ผูกไว้กับทะเบียนบ้าน สามารถเพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชนให้ใช้สิทธิเลือกตั้งได้สะดวกขึ้น โดยเฉพาะการเลือกตั้งท้องถิ่น อย่างการเลือกตั้ง อบต. ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 11 มกราคม 2569 แม้ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ประชาชนยังจะต้องเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อไปใช้สิทธิ แต่ในอนาคต หากข้อจำกัดเหล่านี้ถูกรื้อออก ประชาชนจะเข้าถึงและใช้สิทธิการเลือกตั้งท้องถิ่นได้สะดวกขึ้น
นอกเหนือจากการพิจารณาปรับแก้ไขกฎหมายเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเลือกตั้งท้องถิ่นแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง กกต. ยังควรต้องอำนวยความสะดวกในด้านอื่น ๆ เพื่อให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ประโยชน์อย่างเท่าเทียม เช่น การอำนวยความสะดวกให้ผู้สูงอายุและคนพิการในการใช้สิทธิเลือกตั้ง การเพิ่มการประชาสัมพันธ์ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งผ่านช่องทางที่หลากหลาย เพื่อให้ประชาชนรับทราบและเข้าใจข้อมูลอย่างครบถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การตรวจสอบข้อมูลการเลือกตั้งท้องถิ่น อย่างเช่น ข้อมูลผู้ลงรับสมัคร หมายเลขผู้ลงรับสมัคร นโยบายของผู้ลงรับสมัคร และบัตรเลือกตั้งท้องถิ่น
#ออกไปใช้สิทธิเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม และสิ่งที่คุณทำได้เพิ่มเติม คือสะท้อนข้อจำกัดเหล่านี้ให้ผู้กำหนดนโยบายเล็งเห็นถึงความสำคัญในการพิจารณาแก้ไข
WeVis เชิญชวนประชาชนกลับบ้านไปเลือกตั้ง อบต. 11 มกราคม 2569
เตรียมพร้อมซ้อมใช้สิทธิ รู้จัก อบต. และเตรียมพร้อมเข้าคูหา
อ้างอิง
- พ.ร.บ. การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๖๒
- สรุปผลที่สำคัญ ประชากรแฝงในประเทศไทย พ.ศ. 2567
- ข้อเสนอยกระดับการเลือกตั้งท้องถิ่น โดยคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร
- Exploring the franchise: Who can vote in UK elections?.
- Municipal elections (europa.eu)
