เงามืดอาเซียน: อาชญากรรมข้ามชาติที่ ‘ไม่ถูกเล่า’

ครั้งแล้ว… ครั้งเล่า… ที่ ‘ใต้จมูก’ของเรา มีผู้พลัดถิ่นหรือผู้ลี้ภัยถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือว่า ‘ที่ปลอดภัย’ สำหรับพวกเขา อาจไม่มีอยู่จริง?

10 ปีที่ผ่านมา คุณคิดว่าอาชญากรรมข้ามชาติที่กระทำโดยรัฐ เกิดขึ้นไปแล้วกี่ครั้งในภูมิภาคอาเซียน?

เส้นเวลาที่จะว่าสั้นก็ไม่สั้น จะว่ายาวก็ไม่ยาว แต่กลับคลาคล่ำไปด้วยปรากฏการณ์ ‘การกดปราบข้ามชาติ’ อาชญากรรมที่เป็นเสมือน ‘เสียงเท้าของรัฐในเงามืด’ ที่คืบคลานข้ามพรมแดนไปถึงบรรดาผู้พลัดถิ่นหรือผู้ลี้ภัย เพื่อข่มขู่ เพื่อปิดปาก หรือแม้แต่เพื่อพรากลมหายใจ

ไม่ใช่หนึ่ง ไม่ใช่สอง แต่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกเหตุการกดปราบข้ามชาติ เป็นการย้ำเตือนว่า ‘สถานที่ปลอดภัย’ อาจไม่มีอยู่จริงสำหรับผู้ที่ท้าทายอำนาจรัฐ

🔎 สำรวจกรณีกดปราบข้ามชาติ เงามืดที่ซุกซ่อนทั่วภูมิภาคอาเซียน

รูปภาพประกอบจาก www.freepik.com

📍 2015

  • ผู้พลัดถิ่นชาวอุยกูร์ 109 คน ถูกทางการไทยส่งตัวกลับไปให้รัฐบาลจีน

📍 2017

  • นักเคลื่อนไหวชาวไทยจากกลุ่มเสื้อแดงฮาร์ดคอร์ผู้ต้องหา ม.112 และคดีก่อการร้าย ถูกอุ้มตัวจากหน้าบ้านพักใน สปป. ลาว

📍 2018

  • ณ แม่น้ำโขง พบศพชายไทย 2 ราย ในสภาพถูกทรมานอย่างทารุณและโหดร้าย

📍 2020

  • นักเคลื่อนไหวทางการเมืองและสิทธิมนุษยชนชาวไทยถูกอุ้มหายหน้าบ้านพัก ขณะลี้ภัยอยู่ในกัมพูชา

📍 2021

  • นักเคลื่อนไหวฝ่ายค้านชาวกัมพูชา 4 คน ถูกทางการไทยจับกุมและส่งตัวกลับกัมพูชาตามคำขอของฮุน เซน

📍 2022

  • สมาชิกโบสถ์ Shenzhen Holy Reformed Church ชาวจีน 63 คน ถูกสะกดรอย รังควาน และควบคุมตัวในใจกลางประเทศไทย

📍 2024

  • ทางการไทยส่งนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนชาวมอนตานญาร์ดกลับเวียดนาม ซึ่งเสี่ยงต่อการทรมานและการถูกคุมขัง

📍2025

  • นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย อดีตฝ่ายค้าน ชาวกัมพูชา ถูกยิงเสียชีวิตอย่างอุกอาจหน้าวัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ของเหตุอาชญากรรมข้ามชาติที่กระทำโดยรัฐ ที่เกิดขึ้นตลอด 10 ปีที่ผ่านมา

เราเรียกอาชญากรรมเหล่านี้ว่า “การกดปราบข้ามชาติ (Transnational Repression; TNR)”

การกดปราบข้ามชาติ คือ การที่รัฐบาลใช้อำนาจคุกคามพลเมืองของตนเองที่ลี้ภัยหรือพลัดถิ่นอยู่ในต่างประเทศ (ซึ่งในบางกรณี การคุกคามนี้ลามไปถึงสมาชิกครอบครัวที่ลี้ภัยไปด้วยกัน หรือที่ยังพำนักอยู่ในประเทศบ้านเกิด) และมีความเป็นไปได้ว่าการคุกคามนี้ถูกรู้เห็นโดยรัฐบาลของประเทศที่พลเมืองผู้นั้นลี้ภัยอยู่ด้วย

วิธีการกดปราบข้ามชาติมีตั้งแต่ การข่มขู่ การกักขัง การลักพาตัว การส่งตัวกลับแบบผิดกฎหมาย ไปจนถึงการทำร้ายร่างกาย การบังคับสูญหาย และการลอบสังหาร

การคุกคามนี้เป็นทั้งการละเมิดสิทธิเสรีภาพ และสิทธิมนุษยชนของคนคนหนึ่ง อีกทั้งยังสั่นคลอนหลักนิติธรรมและความมั่นคงในระดับภูมิภาคอย่างเงียบงัน แต่รุนแรง…

🗺️ อาเซียน: ดินแดนแห่งการกดปราบข้ามชาติ?

แน่นอนว่าอาชญากรรมนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่หรือไกลตัว แต่เกิดขึ้น ‘ใต้จมูก’ ในภูมิภาคอาเซียนของเรา ตลอดเวลาที่ผ่านมา

📊 สำรวจสถิติการกดปราบในภูมิภาคอาเซียนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2015-2024) เท่าที่มีการบันทึกไว้

ข้อมูลที่ WeVis จะนำเสนอในงานชิ้นนี้ อ้างอิงจากเว็บไซต์ ‘Unfold the Untold: ถึงเวลาพูดเรื่องการกดปราบข้ามชาติ’ https://unfoldtheuntold.org/

📍 ประเทศต้นทาง – ประเทศบ้านเกิดของผู้พลัดถิ่นหรือผู้ลี้ภัย

📍 ประเทศปลายทาง – ประเทศที่ผู้พลัดถิ่นหรือผู้ลี้ภัยพำนักอยู่ และเป็นจุดเกิดเหตุการกดปราบ

👥 เหยื่อเป็นใครมาจากไหนบ้าง?

จากสถิติ ‘เหยื่อ’ ของการกดปราบข้ามชาติ เป็นผู้พลัดถิ่นหรือลี้ภัยจาก ประเทศต้นทาง ที่แตกต่างกัน ดังนี้

  • 🇨🇳 จากจีน 178 คน
  • 🇰🇭 จากกัมพูชา 54 คน
  • 🇲🇲 จากเมียนมา 53 คน
  • 🇻🇳 จากเวียดนาม 26 คน
  • 🇹🇭 จากไทย 9 คน
  • 🇱🇦 จากลาว 3 คน
  • 🇵🇰 จากปากีสถาน 1 คน

จากข้อมูลนี้ แสดงให้เห็นว่า เหยื่อของการกดปราบมากถึง 178 คน มี ประเทศต้นทาง คือ จีน ตามมาด้วยกัมพูชาและเมียนมา

💼 แล้วสถานภาพหรืออาชีพของพวกเขาล่ะ?

  • จากจีน 178 คน
    • ผู้พลัดถิ่นหรือผู้ลี้ภัยจากจีนราวร้อยละ 98 เป็น ชนกลุ่มน้อยทางศาสนาและชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์ ตามมาด้วยทนายความด้านสิทธิมนุษยชน ครอบครัวผู้พลัดถิ่น และนักข่าว
  • จากกัมพูชา 54 คน
    • 1 ใน 3 คือ นักกิจกรรม ตามมาด้วย ครอบครัวของผู้พลัดถิ่น นักปกป้องสิทธิมนุษยชน นักบวช และผู้ใช้งานโซเชียลมีเดีย
  • จากเมียนมา 53 คน
    • ส่วนใหญ่แล้วไม่สามารถระบุสถานะได้ ตามมาด้วย นักกิจกรรม และ ผู้แสวงหาที่ลี้ภัย นอกจากนี้ยังมีนักปกป้องสิทธิมนุษยชน นักข่าว และชนกลุ่มน้อยทางศาสนา
  • จากเวียดนาม 26 คน
    • ส่วนใหญ่เป็น นักกิจกรรม และ ชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์ นอกจากนี้ยังมีผู้แสวงหาที่ลี้ภัย ครอบครัวของผู้พลัดถิ่น นักปกป้องสิทธิมนุษยชน นักข่าว ผู้ลี้ภัย และชนกลุ่มน้อยทางศาสนา
  • จากไทย 9 คน
    • ผู้พลัดถิ่นหรือผู้ลี้ภัยจากไทย ล้วนแต่เป็น นักกิจกรรม
  • จากลาว 3 คน
    • ประกอบด้วย นักกิจกรรม และ นักสิทธิมนุษยชน
  • จากปากีสถาน 1 คน
    • ประกอบด้วย นักข่าว

📍 พวกเขาเหล่านี้ เผชิญการกดปราบข้ามชาติที่ไหนกัน?

ประเทศปลายทาง ของการกดปราบข้ามชาติในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สามารถสรุปได้ดังนี้

  • 🇹🇭 ถูกกดปราบที่ไทย 308 คน
  • 🇱🇦 ถูกกดปราบที่ลาว 7 คน
  • 🇻🇳 ถูกกดปราบที่เวียดนาม 3 คน
  • 🇰🇷 ถูกกดปราบที่เกาหลีใต้ 2 คน
  • 🇲🇾 ถูกกดปราบที่มาเลเซีย 2 คน
  • 🇰🇭 ถูกกดปราบที่กัมพูชา 1 คน
  • 🇺🇸 ถูกกดปราบที่สหรัฐอเมริกา 1 คน

ผู้ลี้ภัยมากถึง 308 คน ที่ถูกกดปราบในประเทศไทย นี่ไม่ใช่เพียงตัวเลขที่สูงโดดจากประเทศปลายทางอื่น ๆ แต่คือสัญญาณสะท้อนถึงบทบาทของไทยในฐานะ ประเทศปลายทาง ที่อาจมีส่วนร่วมในการกระทำหรือการเพิกเฉยต่อการละเมิดสิทธิเหล่านี้

🤐 แล้วพวกเขาถูกกดปราบด้วยวิธีการใด?

วิธีการในการกดปราบข้ามชาติมีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งผู้ลี้ภัย 1 คน สามารถถูกกดปราบได้ด้วยหลายวิธีการ (เช่น ถูกกักขังและส่งตัวกลับประเทศต้นทางแบบผิดกฎหมาย) จากสถิติที่มีการบันทึกไว้ ผู้ลี้ภัยถูกกดปราบที่ ‘ประเทศปลายทาง’ ด้วยวิธีการต่าง ๆ สรุปได้ดังนี้

  • ถูกกดปราบที่ไทย 308 คน
    • วิธีการที่พบมากที่สุดสองอันดับแรกคือ การกักขัง ซึ่งมีผู้ได้รับผลกระทบมากถึง 220 คน และ การส่งตัวกลับแบบผิดกฎหมาย 128 คน
  • ถูกกดปราบที่ลาว 7 คน
    • วิธีการกดปราบที่เกิดขึ้นมากที่สุดในประเทศลาว คือ การบังคับสูญหาย ซึ่งมีผู้ได้รับผลกระทบมากถึง 5 คน อีกทั้งมี 2 คน ที่ถูกกดปราบด้วยวิธีการลอบสังหาร
  • ถูกกดปราบที่เวียดนาม 3 คน
    • ทั้ง 3 คนที่ถูกกดปราบในประเทศเวียดนาม ล้วนแล้วแต่ถูกบังคับสูญหาย
  • ถูกกดปราบที่กัมพูชา 1 คน
    • พบ 1 วิธี นั่นคือ การบังคับสูญหาย
  • ถูกกดปราบที่มาเลเซีย 2 คน
    • พบ 3 วิธี ได้แก่ การกักขัง การลักพาตัวข้ามพรมแดน และการส่งตัวกลับประเทศต้นทางแบบผิดกฎหมาย
  • ถูกกดปราบที่เกาหลีใต้ 2 คน
    • พบ 4 วิธี ได้แก่ การคุกคามผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง การข่มขู่ การกักขัง และการสอดแนมโดยเจ้าหน้าที่รัฐ
  • ถูกกดปราบที่สหรัฐอเมริกา 1 คน
    • พบ 1 วิธี นั่นคือ การคุกคามทางดิจิทัล

และทั้งหมดนี้ เป็นเพียงกรณีการกดปราบข้ามชาติในภูมิภาคอาเซียน เท่าที่มีการบันทึกไว้ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเท่านั้น…

เราจะปล่อยให้ภูมิภาคของเรากลายเป็นดินแดนแห่งการกดปราบข้ามชาติจริง ๆ หรือ?

ถึงเวลาเปิดตา และเปิดปากพูดถึงอาชญากรรมที่เกิดขึ้น ‘ใต้จมูก’ ของเราตลอดมา

สถิติทั้งหมดคือการย้ำเตือนว่า ประเทศของเรา ภูมิภาคของเรา เกิดการข่มขู่คุกคามมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง กับผู้พลัดถื่นหรือผู้ลี้ภัยนับร้อยคน และเรื่องราวเหล่านี้ ต้องไม่ถูกซุกไว้ใน ‘เงามืด’ ให้เป็นเรื่องที่ ‘พูดถึงไม่ได้’ อีกต่อไป

🧐 เปิดเรื่องใต้พรมไปกับ Unfold the Untold: ถึงเวลาพูดเรื่องการกดปราบข้ามชาติ

ชวนทำความเข้าใจคำจำกัดความ สำรวจสถิติ และสร้างบทสนทนาเกี่ยวกับในการกดปราบข้ามชาติในภูมิภาคอาเซียน ตลอดจนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ถึงแนวทางเพื่อป้องกันไม่ให้อาชญากรรมข้ามชาตินี้เกิดขึ้นอีก ที่เว็บไซต์ Unfold the Untold: ถึงเวลาพูดเรื่องการกดปราบข้ามชาติ https://unfoldtheuntold.org/

การกดปราบข้ามชาติไม่ใช่เรื่องไกลตัว และ ‘ที่ปลอดภัย’ อาจไม่มีอยู่จริง ถ้าเราไม่รู้เท่าทัน และไม่ทำให้การกดปราบข้ามชาติ เป็นเรื่องที่ ‘พูดถึงได้’

เพราะความเงียบไม่เคยปกป้องใคร และความเข้าใจคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง