Content by

ส.อบจ. คือใคร? ทำความรู้จักไว้ก่อนการเลือกตั้ง อบจ. จะมาถึง

‘นายก อบจ.’ ตำแหน่งนี้อาจจะพอคุ้นหูอยู่บ้าง แต่ ส.อบจ. นี่ เขาเป็นใครกันนะ ? เตรียมพร้อมกลับบ้านเพื่อเข้าคูหา กาคนที่ชอบในศึก #เลือกตั้งอบจ. 2568 เพราะการเลือกครั้งนี้ เรามีสิทธิกากบาทเลือก ‘นักการเมืองท้องถิ่น’ มากกว่า 1 คน 🤩

ตามหลักการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นที่ให้ประชาชนมีอำนาจ ‘ปกครองและตัดสินใจ’ เพื่อบริหารความต้องการของเขตพื้นที่ท้องถิ่นตัวเองได้อย่างอิสระ โดยที่ไม่ต้องอาศัยองค์กรจากศูนย์กลาง องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ จึงต้องมีการจัดการเลือกตั้ง เพื่อเลือก ‘ผู้บริหารท้องถิ่น’ และ ‘สมาชิกสภาท้องถิ่น’ มาบริหารงานและใช้งบประมาณพัฒนาพื้นที่ที่รับผิดชอบทุก ๆ 4 ปี หรือเมื่อครบวาระ

ในการเลือกตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ใหญ่ที่สุด อย่างการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่จะมาถึงในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ประชาชนในเขตพื้นที่ต้องเลือก ‘ผู้บริหารท้องถิ่น’ ซึ่งก็คือ ‘นายก อบจ.’ และ ‘สมาชิกสภาท้องถิ่น’ หรือ ‘สมาชิกสภา อบจ.’ (เรียกสั้น ๆ ว่า ส.อบจ.) มาบริหารงานในเขตพื้นที่จังหวัดในอีก 4 ปีข้างหน้า

ก่อนกลับบ้านเข้าคูหา WeVis ขออาสาพาไปรู้จัก ‘ส.อบจ.’ ตำแหน่งนี้ต่างจาก ‘นายก อบจ.’ อย่างไร ? เขาเป็นใครและเกี่ยวอะไรกับเรา ?

โครงสร้างการบริหารของ อบจ. ประกอบด้วย นายก อบจ. เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร และมี ส.อบจ. ทำหน้าที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ มีอำนาจพิจารณาออกกฎระเบียบต่าง ๆ และพิจารณาการจัดสรรงบประมาณของจังหวัด

นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) ทำหน้าที่เป็นฝ่ายบริหารสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.)
เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ
ที่มา

ประชาชนเลือกตั้งโดยตรง ดำรงตำแหน่งคราวละ 4 ปี โดยติดต่อกันได้ไม่เกิน 2 วาระ
ถ้าดำรงตำแหน่ง 2 วาระติดต่อกันแล้ว จะดำรงตำแหน่งได้อีกเมื่อพ้นระยะเวลา 4 ปีนับแต่วันที่พ้นตำแหน่ง
ที่มา

ประชาชนเลือกตั้งโดยตรง ดำรงตำแหน่งคราวละ 4 ปี
จำนวน

1 คน ต่อ 1 จังหวัด
จำนวน

ส.อบจ. ของแต่ละจังหวัดจะมีจำนวนไม่เท่ากัน โดยจะอิงจากสัดส่วนจำนวนประชากรในจังหวัด ดังนี้
• ประชากรไม่เกิน 500,000 คน มี ส.อบจ. ได้ 24 คน
• ประชากรเกิน 500,000 คน แต่ไม่เกิน 1,000,000 มี ส.อบจ. ได้ 30 คน
• ประชากรเกิน 1,000,000 คน แต่ไม่เกิน 1,500,000 มี ส.อบจ. ได้ 36 คน
• ประชากรเกิน 1,500,000 คน แต่ไม่เกิน 2,000,000 มี ส.อบจ. ได้ 42 คน
• ประชากร 2,000,000 คนขึ้นไป มี ส.อบจ. ได้ 48 คน
เขตเลือกตั้ง

ใช้จังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง
เขตเลือกตั้ง

ใช้อำเภอเป็นเขตเลือกตั้ง โดยใน 1 อำเภอสามารถมีมากกว่า 1 เขตเลือกตั้ง อิงจากสัดส่วนจำนวนประชากรในอำเภอ
ในการแบ่งเขตเลือกตั้ง ต้องจัดให้มีจํานวนประชากรในแต่ละเขตเลือกตั้งใกล้เคียงกันมากที่สุด
หน้าที่
– ควบคุมและบริหารกิจการของ อบจ.
– กำหนดนโยบายและการบริหารราชการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบ
– สั่ง อนุญาต และอนุมัติเกี่ยวกับราชการของ อบจ.
– วางระเบียบเพื่อให้งานของ อบจ. เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
หน้าที่
– ตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหาร ผ่านการตั้งกระทู้ถามนายก อบจ. ในเรื่องที่เกี่ยวกับหน้าที่
– เสนอข้อสอบถามต่อประธานสภา อบจ. เพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือหัวหน้าส่วนราชการชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่
– จัดตั้งกรรมการสามัญ/วิสามัญ เพื่อทำหน้าที่พิจารณาสอบสวนประเด็นต่าง ๆ ที่อยู่ในขอบเขตอำนาจ
– เสนอและพิจารณาร่างข้อบัญญัติของ อบจ. เกี่ยวกับการเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียม ภาษีอากร ค่าใบอนุญาต รายได้อื่น ๆ
– พิจารณาร่างข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีและรายจ่ายเพิ่มเติม

โดยสรุปแล้ว ใน 1 จังหวัด ต้องมีนายก อบจ. 1 คน และมี ส.อบจ. ตามสัดส่วนจำนวนประชากรของแต่ละจังหวัด

การเลือกตั้ง อบจ. ในปี 2568 นี้ เราในฐานะประชาชน มีสิทธิไปเลือกผู้บริหารท้องถิ่นซึ่งก็คือ นายก อบจ. จำนวน 1 คน เพื่อเข้าไปบริหารงบประมาณจังหวัด และเลือกคนที่ไปตรวจสอบการทำงานของนายก อบจ. ซึ่งได้แก่ ส.อบจ. อีกจำนวน 1 คน จาก ‘เขตเลือกตั้ง’ ที่เราใช้สิทธิเลือกตั้ง เพื่อไปพิจารณาร่างข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีของจังหวัดที่จะกำหนดว่าเงินภาษีที่เราจ่ายจะถูกใช้จ่ายในประเด็นไหนบ้าง

🤔 เช็กกันสักนิด จังหวัดไหนมี ส.อบจ. ได้เท่าไหร่ ?

ถ้าหากอ้างอิงจากสถิติจำนวนประชากรในปี 2566 โดยระบบสถิติทางการทะเบียน สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง แต่ละจังหวัดจะมีจำนวน ส.อบจ. ที่พึงมีดังนี้

ภาคกลาง

จังหวัดจำนวนประชากรจำนวน ส.อบจ. ที่พึงมี
กำแพงเพชร704,94830
ชัยนาท316,22024
นครนายก260,11724
นครปฐม924,52130
นครสวรรค์1,021,88336
นนทบุรี1,308,09236
ปทุมธานี1,219,19936
พระนครศรีอยุธยา822,10630
พิจิตร521,90730
พิษณุโลก841,72930
เพชรบูรณ์967,42130
ลพบุรี729,69730
สมุทรปราการ1,372,97036
สมุทรสงคราม187,99324
สมุทรสาคร592,03330
สระบุรี638,82630
สิงห์บุรี201,43924
สุโขทัย577,86630
สุพรรณบุรี826,39130
อ่างทอง270,72624
อุทัยธานี322,27324

ภาคตะวันออก

จังหวัดจำนวนประชากรจำนวน ส.อบจ. ที่พึงมี
จันทบุรี536,43630
ฉะเชิงเทรา730,54330
ชลบุรี1,618,06642
ตราด227,05224
ปราจีนบุรี499,56324
ระยอง771,18930
สระแก้ว562,90230

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

จังหวัดจำนวนประชากรจำนวน ส.อบจ. ที่พึงมี
กาฬสินธุ์968,06530
ขอนแก่น1,779,37342
ชัยภูมิ1,113,37836
นครพนม714,28430
นครราชสีมา2,625,79448
บึงกาฬ420,48724
บุรีรัมย์1,573,23042
มหาสารคาม937,91530
มุกดาหาร351,59524
ยโสธร528,87830
ร้อยเอ็ด1,284,83636
เลย635,14230
ศรีสะเกษ1,450,33336
สกลนคร1,142,65736
สุรินทร์1,367,84236
หนองคาย514,02130
หนองบัวลำภู506,87230
อำนาจเจริญ374,13724
อุดรธานี1,558,52842
อุบลราชธานี1,869,60842

ภาคใต้

จังหวัดจำนวนประชากรจำนวน ส.อบจ. ที่พึงมี
กระบี่482,12124
ชุมพร508,85730
ตรัง637,01730
นครศรีธรรมราช1,540,95342
นราธิวาส819,16230
ปัตตานี737,07730
พังงา267,05724
พัทลุง520,59830
ภูเก็ต423,59924
ยะลา549,94630
ระนอง193,37124
สงขลา1,431,95936
สตูล325,47024
สุราษฎร์ธานี1,075,78836

ภาคเหนือ

ชื่อจำนวนประชากรจำนวน ส.อบจ. ที่พึงมี
เชียงราย1,298,97736
เชียงใหม่1,797,07542
น่าน472,72224
พะเยา458,28724
แพร่426,33124
แม่ฮ่องสอน287,64424
ลำปาง711,47830
ลำพูน398,44024
อุตรดิตถ์439,62924

ภาคตะวันตก

จังหวัดจำนวนประชากรจำนวน ส.อบจ. ที่พึงมี
กาญจนบุรี895,28130
ตาก691,71430
ประจวบคีรีขันธ์550,97730
เพชรบุรี483,66824
ราชบุรี864,74630

อย่างไรก็ตาม หลักเกณฑ์การนับจํานวนประชากรเพื่อนํามาใช้พิจารณาแบ่งเขตเลือกตั้งระบุไว้ว่า “ให้นับจํานวนประชากรจากประกาศจํานวนราษฎรของสํานักทะเบียนกลางที่ประกาศในปีสุดท้ายก่อนปีที่มีการเลือกตั้งมาใช้พิจารณาแบ่งเขตเลือกตั้ง” ซึ่งนั่นอาจหมายความว่า จำนวน ส.อบจ. ที่แต่ละจังหวัดพึงมีในการเลือกตั้ง อบจ. 2568 นั้นต้องอ้างอิงจากสถิติจำนวนประชากรที่ประกาศในปี 2567

จำนวนประชากรโดยละเอียดนั้นต้องมา ‘รีเช็ก’ กันอีกที แต่โดยคร่าว ๆ แล้ว จำนวน ส.อบจ. พึงมี ของแต่ละจังหวัดคงไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากยอดเดิม

🤷‍♀️ จะทราบได้อย่างไรว่าเราต้องเลือก ส.อบจ. เขตไหน และเลือกใครได้บ้าง ?

กฎหมายไม่ได้ระบุว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.และ ส.อบจ. ต้องมีสังกัดพรรคการเมืองเหมือนกับผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ผู้สมัครจึงสามารถลงเลือกตั้งได้อย่างอิสระ รวมถึงตัวผู้สมัคร ส.อบจ. เองก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในสังกัดของผู้สมัครนายก อบจ. เช่นเดียวกัน

โดยภายในระยะเวลาอย่างน้อย 25 วันก่อนการเลือกตั้ง ผู้อํานวยการการเลือกตั้งประจําองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะกําหนดหน่วยเลือกตั้งที่จะพึงมีในเขตเลือกตั้ง นั่นหมายความ ในช่วงต้นเดือนมกราคม 2568 เราจะได้รู้กันว่าอำเภอที่เรามีทะเบียนบ้านอยู่นั้นมีจำนวนเขตเลือกตั้งเท่าไหร่ เขตที่เรามีภูมิลำเนาอยู่นั้นเป็นเขตที่เท่าไหร่ และสามารถเลือกผู้สมัคร ส.อบจ. คนไหนได้บ้าง

ตรวจสอบสิทธิเลือกตั้ง เขตเลือกตั้ง หน่วยเลือกตั้ง และสถานที่เลือกตั้ง อบจ. ของคุณ ที่เว็บไซต์นี้

จำให้ขึ้นใจ 1 ใบใช้เลือกนายก อบจ. และอีก 1 ใบใช้เลือก ส.อบจ.
1 กุมภาฯ กลับบ้าน เข้าคูหา กาคนที่ชอบ

อ้างอิง